น้ำมันกัญชงและน้ำมัน CBD ต่างกันอย่างไร

Admin
Written by Review Weed Cannabis & Health Enthusiast
Updated: 2024-01-11
ความแตกต่างที่สำคัญระหว่างน้ำมันกัญชงและน้ำมัน CBD

Table of Contents

เนื่องด้วยกระแสการรักษาด้วยยาจากธรรมชาติ ทำให้น้ำมันกัญชงและน้ำมัน CBD ได้รับความสนใจอย่างมากในเรื่องคุณสมบัติการรักษา ผลิตภัณฑ์ทั้งสองมาจากต้นกัญชาเหมือนกัน แต่มีวัตถุประสงค์และมีประโยชน์ต่อสุขภาพที่แตกต่างกัน

ในบทความนี้ เราจะแยกความแตกต่างระหว่างน้ำมันกัญชงและน้ำมัน CBD ด้วยตัวบ่งชี้ที่สำคัญ ที่ทำให้ผลิตภัณฑ์ทั้งสองมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ได้แก่ คุณประโยชน์ต่อสุขภาพ, วิธีการสกัด และส่วนผสม

น้ำมันกัญชงและน้ำมัน CBD แตกต่างกันอย่างไร

น้ำมันกัญชง หรือ น้ำมันเมล็ดกัญชง (Hemp oil) สกัดจากเมล็ดของต้นกัญชงเป็นที่รู้จักกันดีในด้านคุณค่าทางโภชนาการและประโยชน์ต่อสุขภาพ

ประกอบด้วยสารอาหารมากมาย เช่น กรดไขมันโอเมก้า 3,  โอเมก้า 6, วิตามิน, แร่ธาตุ และโปรตีน เนื่องจากมีรสชาติคล้ายถั่ว จึงมักใช้เป็นอาหารเสริมและเป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์อาหาร

น้ำมัน CBD หรือน้ำมัน Cannabidiol สกัดจากดอก, ใบ และก้านของต้นกัญชง ที่อุดมด้วย CBD และน้ำมัน Cannabidiol ไม่ทำให้มึนเมาที่พบได้ทั้งในกัญชงและกัญชา

น้ำมันกัญชงและน้ำมัน CBD อาจมาจากต้นเดียวกัน แต่วิธีการสกัด, ปริมาณสารอาหาร และการใช้งาน มีความแตกต่างกันออกไป

น้ำมันกัญชงน้ำมัน CBD
แหล่งที่มา สกัดจากเมล็ดกัญชงสกัดจากส่วนต่าง ๆ ของต้นกัญชง (ดอก ใบ และลำต้น)
วิธีการสกัดสกัดเย็นจากเมล็ดกัญชงสกัดด้วยวิธีต่าง ๆ เช่น สกัดด้วย CO2
คุณค่าทางโภชนาการอุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า วิตามิน และโปรตีนประกอบด้วย Cannabidiol (CBD) เป็นหลัก และ Cannabinoid, Terpene อื่น ๆ
ปริมาณ Cannabinoidปริมาณ Cannabinoid น้อยมากมีปริมาณ CBD สูง
สรรพคุณทางการแพทย์บำรุงหัวใจ, ผิวหนัง, สมอง และภูมิคุ้มกันอาจช่วยบรรเทาความเจ็บปวด, ความวิตกกังวล, การนอนหลับ และอาการอื่น ๆ
การใช้งานส่วนใหญ่ใช้เป็นน้ำมันปรุงอาหาร หรือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวใช้เพื่อสุขภาพและการรักษาโรค
สถานะทางกฎหมายใช้ได้แพร่หลายและถูกกฎหมายในหลาย ๆ ที่ส่วนใหญ่ถูกกฎหมายในหลายสถานที่ แต่มีกฎระเบียบแตกต่างกันไป

วิธีการสกัด

น้ำมันเมล็ดกัญชง สกัดด้วยวิธีการสกัดเย็นแบบง่าย ๆ เช่นเดียวกับน้ำมันมะกอก ด้วยวิธีการที่ได้มาซึ่งน้ำมันที่ไม่เหมือนใครนี้ ทำให้สามารถเก็บรักษาสารอาหารได้ดี ทั้งวิตามิน และสารประกอบธรรมชาติอื่น ๆ

น้ำมัน CBD สกัดได้หลายวิธี สามารถทำเองได้ที่บ้านโดยใช้น้ำมันตัวพา เช่น น้ำมันมะพร้าว ส่วนบริษัทและแบรนด์ขนาดใหญ่ใช้วิธีการเชิงพาณิชย์ เช่น การสกัดด้วยเอทานอลหรือคาร์บอนไดออกไซด์

ด้วยวิธีการสกัดที่หลากหลาย คุณจะได้ CBD spectrum ที่ต่างกันและประโยชน์ที่ต่างกันในแต่ละวิธีด้วย

ความแตกต่างที่เห็นได้ชัด

ข้อแตกต่างที่สำคัญ คือ น้ำมันกัญชงสกัดด้วยกระบวนการสกัดเย็นแบบง่าย ๆ จึงได้ผลิตภัณฑ์ขั้นสุดท้ายที่สม่ำเสมอ แต่เนื่องจากน้ำมัน CBD มีวิธีการสกัดที่แตกต่างกัน ความบริสุทธิ์และคุณภาพของน้ำมันจึงเปลี่ยนแปลงไป

Nutritional content

น้ำมันกัญชงอุดมไปด้วยสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายมนุษย์ เป็นแหล่งกรดไขมันจำเป็นที่ดีเยี่ยม เช่น โอเมก้า 3, โอเมก้า 6, และโอเมก้า 9 นอกจากนี้ ยังมีแคลเซียม, ซัลเฟอร์, แมกนีเซียม, โพแทสเซียม และสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น วิตามินอี และธาตุเหล็ก

เมล็ดกัญชงอุดมไปด้วยโปรตีน ซึ่งมีกรดอะมิโนรวม 20 ชนิด และกรดอะมิโนจำเป็น 9 ชนิด ที่ร่างกายของเราไม่สามารถสร้างเองได้

หากจะเปรียบเทียบ น้ำมัน CBD ไม่ได้ต้องการคุณค่าทางโภชนาการ แต่ต้องการปริมาณแคนนาบินอยด์

น้ำมันที่ได้มาจากต้นกัญชงประกอบด้วยไฟโตแคนนาบินอยด์หลายชนิด เช่น CBD, CBC, CBG และบางกรณีอาจมี THC นอกจากนี้ ยังมีเทอร์ปีน เช่น ลิโมนีน (Limonene), ไพนีน (Pinene) และ ลินาลูล (Linalool) ที่มีคุณสมบัติด้านสุขภาพ และสร้าง Entourage effect

ความแตกต่างที่เห็นได้ชัด

น้ำมันกัญชง มุ่งเน้นไปที่การเสริมกรดไขมันและวิตามินที่จำเป็นเป็นหลัก

ในทางกลับกัน น้ำมัน CBD มีคุณค่า เนื่องจากมีสารประกอบหลากหลายประเภท เช่น แคนนาบินอยด์ (Cannabinoi) และ เทอร์ปีนส์ (Terpenes)

คุณสมบัติทางด้านการแพทย์

น้ำมันเมล็ดกัญชงมีสารอาหารหลายชนิดที่สามารถให้ประโยชน์ต่อสุขภาพบางประการได้ โดยมีประโยชน์ทางการแพทย์ที่โดดเด่น ได้แก่:

  • สุขภาพของหัวใจ : อัตราส่วนที่สมดุลของกรดไขมันโอเมก้า 3 และโอเมก้า 6 อาจลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ และช่วยดูแลสุขภาพหัวใจและหลอดเลือดได้
  • สุขภาพผิว : น้ำมันกัญชงมักใช้ในผลิตภัณฑ์ดูแลผิว เนื่องจากมีคุณสมบัติในการให้ความชุ่มชื้นและช่วยบำรุง มีส่วนช่วยบรรเทาผิวที่แห้ง ลดการระคายเคือง และส่งเสริมสุขภาพผิวที่ดีได้
  • การทำงานของสมอง : กรดไขมันโอเมก้า 3 ในน้ำมันกัญชง มีความสำคัญต่อการพัฒนาและการทำงานของสมอง อาจช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการรับรู้ และดูแลสุขภาพสมองได้
  • ส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกัน : สารต้านอนุมูลอิสระในน้ำมันกัญชง สามารถช่วยปกป้องเซลล์ร่างกาย จากความไม่สมดุลกันของสารอนุมูลอิสระจากปฏิกิริยาออกซิเดชัน และสนับสนุนระบบภูมิคุ้มกันได้

งานวิจัยชี้ให้เห็นว่า CBD อาจช่วยบรรเทาปัญหาสุขภาพต่าง ๆ ได้ นี่คือคุณประโยชน์บางส่วน ที่ทำให้ CBD ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น:

  • การบรรเทาอาการปวด: เชื่อกันว่า CBD ทำปฏิกิริยากับระบบ Endocannabinoid ของร่างกาย ซึ่งอาจส่งผลให้การอักเสบและความเจ็บปวดลดลง
  • การรักษาโรคลมชัก: Cannabidiol แสดงให้เห็นสัญญาณที่ดีในการบรรเทาอาการโรคลมชัก
  • การจัดการความวิตกกังวลและภาวะซึมเศร้า: การศึกษาบางชิ้นชี้ให้เห็นว่า CBD อาจมีฤทธิ์คล้ายยาแก้ซึมเศร้า ทำให้เป็นทางเลือกที่ดีในการรักษาความวิตกกังวลและภาวะซึมเศร้า
  • ความผิดปกติด้านการนอนหลับ: CBD ยังสามารถใช้เพื่อควบคุมการนอนหลับ ซึ่งอาจช่วย บรรเทาอาการนอนไม่หลับ และความผิดปกติเกี่ยวกับการนอนหลับอื่น ๆ ได้
  • ป้องกันระบบประสาท: นักวิจัยเชื่อว่า ความสามารถของ CBD ในการดำเนินการกับระบบ Endocannabinoid จะเป็นประโยชน์ต่อความผิดปกติของระบบประสาท

ความแตกต่างที่เห็นได้ชัด

แม้ว่าน้ำมันทั้งสองชนิดนี้จะแตกต่างกัน แต่คุณสามารถนำมาใช้ในกิจวัตรของคุณได้ น้ำมันเมล็ดกัญชงดีต่อผิว, ผม และหัวใจ ในขณะที่น้ำมัน CBD เชื่อมโยงกับการบรรเทาอาการชัก, ความเจ็บปวด, อาการอักเสบ และความเครียดได้

ทั้งนี้ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ผลิตภัณฑ์ทั้งสอง เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงหรือมีปฏิกิริยากับยาที่ใช้อยู่

การใช้งานที่หลากหลาย

น้ำมันเมล็ดกัญชงถูกนำมาใช้ในหลากหลายรูปแบบ โดยสามารถผสมลงในอาหารหรือเครื่องดื่มที่ชื่นชอบ , ทาผิวเป็นมอยส์เจอร์ไรเซอร์ หรือใช้กับเส้นผม เพื่อส่งเสริมการเจริญเติบโตและทำให้เงางาม

น้ำมัน CBD สามารถใช้ได้หลายวิธีเช่นกัน หยดใต้ลิ้นสัก 2-3 หยด เพื่อให้เกิดการดูดซึมที่รวดเร็ว , เพิ่มลงในอาหารและเครื่องดื่มประจำวัน, ทาผิว เพื่อบรรเทาอาการ หรือนวดเพื่อผ่อนคลาย

ความแตกต่างที่เห็นได้ชัด

โดยสรุปแล้ว น้ำมันเมล็ดกัญชงจะใช้ในอาหาร, ผิวหนัง และการดูแลเส้นผมเป็นส่วนใหญ่ ในทางตรงกันข้าม น้ำมัน CBD จะถูกใช้เพื่อประโยชน์ต่อสุขภาพเป็นหลัก ผ่านการทาน, การใช้ภายนอก และการบรรเทาเฉพาะจุด

สถานะทางกฎหมาย

ในประเทศไทย น้ำมัน CBD ได้รับอนุญาตตามกฎหมายภายใต้เงื่อนไขบางประการ ในปี 2021 (พ.ศ. 2564)เราสามารถซื้อและใช้งานได้โดยไม่ต้องมีใบสั่งยา หากปริมาณ THC น้อยกว่า 0.2%

ในขณะที่ น้ำมันเมล็ดกัญชงซึ่งแตกต่างจากน้ำมัน CBD ถูกกฎหมายในประเทศไทยโดยไม่มีข้อจำกัดดังกล่าว

แนวโน้มเดียวกันนี้ยังส่งผลดีต่อประเทศอื่น ๆ ในหลายประเทศ เพราะทำให้มีการส่งออกน้ำมันเมล็ดกัญชงอย่างแพร่หลาย ในขณะที่น้ำมัน CBD ยังอยู่ภายใต้ข้อจำกัดทางกฎหมายบางประการ

กัญชงและกัญชา แตกต่างกันอย่างไร

กัญชงและกัญชาเป็นพืชตระกูล Cannabis Sativa ทั้งสองสายพันธุ์ แต่มีองค์ประกอบทางเคมีและการใช้ประโยชน์ที่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ

กัญชงมี THC 0.3% หรือ น้อยกว่า (สารประกอบที่ออกฤทธิ์ทางจิต) และปลูกเพื่อวัตถุประสงค์ทางอุตสาหกรรมและเชิงพาณิชย์ เช่น เส้นใย, อาหาร และน้ำมัน

โปรดทราบว่ากัญชงไม่ได้ทำให้คุณเมา หรือก่อให้เกิดอาการมึนเมาใด ๆ เหมือนกัญชา

อินโฟกราฟิกแสดงความแตกต่างที่สำคัญระหว่างน้ำมันกัญชงและน้ำมันแคนนาบิไดออล
ความแตกต่างที่สำคัญระหว่างน้ำมันกัญชงและน้ำมัน CBD

ในทางกลับกัน กัญชามีสาร THC ในระดับที่สูงกว่า และใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางการแพทย์ หรือเพื่อการสันทนาการเป็นหลัก เนื่องจากมีผลทางจิตประสาท ทั้งสองยังมีรูปลักษณ์, วิธีการปลูก และสถานะทางกฎหมายที่แตกต่างกันในหลายภูมิภาค

บทสรุป

แม้ว่าน้ำมันกัญชงและน้ำมัน CBD ต่างก็มาจากต้นกัญชาเหมือนกัน แต่ก็มีวิธีการสกัดและการใช้งานที่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ

น้ำมันกัญชงที่ได้จากการสกัดเย็น เป็นน้ำมันที่อุดมด้วยสารอาหาร ซึ่งมักใช้ในอาหารและผลิตภัณฑ์บำรุงผิว

กลับกัน น้ำมัน CBD สกัดจากส่วนต่าง ๆ ของต้น เช่น ดอก, ใบ และก้าน โดยใช้วิธีต่าง ๆ เช่น การสกัดด้วยคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งขึ้นชื่อในเรื่องคุณประโยชน์ที่เกี่ยวข้องกับการบรรเทาความเครียดและความเจ็บปวด

เมื่อต้องเลือกระหว่างสองสิ่งนี้ คุณต้องทราบความต้องการของคุณที่ชัดเจนก่อน เราแนะนำให้ใช้น้ำมันเมล็ดกัญชงเป็นอาหารเสริมรายวันที่ให้สารอาหารและแร่ธาตุ ส่วนน้ำมัน CBD เหมาะอย่างยิ่ง หากจะใช้เพื่อการบรรเทาความเจ็บปวด, ความเครียด หรืออาการนอนไม่หลับ