CBD สำหรับอาการปวดข้อและโรคข้ออักเสบ: ศักยภาพทางยา, ผลิตภัณฑ์ และวิธีใช้
Table of Contents
มีผู้คนนับล้านทั่วโลกที่ได้รับผลกระทบอย่างมากจากอาการปวดข้อและโรคข้ออักเสบ เฉพาะในประเทศไทยเพียงแห่งเดียว กระทรวงสาธารณสุขรายงานว่ามีผู้ป่วยโรคข้อเข่าเสื่อมแล้วมากกว่า 6 ล้านคนในปี 2018
โรคข้ออักเสบเกิดจากการอักเสบและความแข็งของข้อต่อ ทำให้รู้สึกไม่สบายเรื้อรังและการเคลื่อนไหวที่มีข้อจำกัด ทั้งนี้ก็พบว่าศักยภาพของกัญชาที่ใช้รักษาโรคเริ่มได้รับความสนใจมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง CBD (cannabidiol) ที่ใช้ในการบรรเทาอาการปวดข้อและอาการข้ออักเสบ
CBD ได้รับความสนใจเนื่องจากคุณสมบัติในการรักษาที่ให้ประโยชน์ที่เป็นไปได้ในแบบที่ไม่มีผลกระทบทางจิตอันเกี่ยวข้องกับ THC ในขณะที่การวิจัยเกี่ยวกับ CBD ก็ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง การศึกษาแนะนำว่าอาจให้ผลต้านการอักเสบและยาแก้ปวด จึงมีแนวโน้มว่าอาจเป็นทางเลือกทางธรรมชาติสำหรับผู้ที่ต้องการบรรเทาอาการปวดข้อ
ในบทความนี้ เราจะสำรวจกลไกที่อยู่เบื้องหลังประโยชน์ที่เป็นไปได้ของ CBD สำหรับอาการปวดข้อ และหารือเกี่ยวกับวิธีการเลือกและใช้ผลิตภัณฑ์ CBD ที่เหมาะสมในการจัดการอาการปวดข้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โรคข้ออักเสบและอาการปวดข้อ: ภาพรวมโดยย่อ
อาการปวดข้อ หมายถึง ความรู้สึกไม่สบายบริเวณข้อต่อ ทำให้รู้สึกไม่สบายและมีอาการปวด
ปัจจัยที่ทำให้เกิดอาการปวดข้อ ได้แก่ การบาดเจ็บ, การอักเสบ, โรคประจำตัว, การใช้งานมากเกินไป, อายุที่มากขึ้น รวมถึงรูปแบบการใช้ชีวิตบางอย่างก็มีส่วนทำให้เกิดอาการปวดได้เช่นกัน
โรคข้ออักเสบเป็นคำกว้าง ๆ ที่หมายถึง สภาวะต่าง ๆ ที่เกิดจากการอักเสบและความแข็งของข้อต่อ ซึ่งนิดที่พบได้บ่อย ได้แก่ โรคข้อเข่าเสื่อม เกิดขึ้นเนื่องจากการสึกหรอของข้อต่อทีละน้อย เมื่อเวลาผ่านไป โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ซึ่งเป็นโรคเกี่ยวกับภูมิต้านตนเอง ทำให้เกิดการอักเสบของข้อต่อเรื้อรัง
อาการที่พบบ่อย
อาการปวดข้อและข้ออักเสบ สามารถแสดงออกได้ด้วยอาการต่าง ๆ ซึ่งอาจรวมถึง:
- อาการปวด หรือปวดอย่างต่อเนื่องในข้อต่อที่ได้รับผลกระทบ
- อาการบวม หรือ อักเสบบริเวณข้อ
- ความฝืดและช่วงการเคลื่อนไหวที่ช้าลง
- ความยากลำบากหรือความอึดอัด ขณะทำกิจวัตรประจำวัน
- ความอ่อนโยนของข้อต่อ หรือ ความไวต่อการสัมผัส
- มีไข้ หรือ อาการบวมแดงในบริเวณที่ได้รับผลกระทบ
- อ่อนเพลีย หรือรู้สึกไม่สบายตัวแบบทั่วไป
Cannabidiol สำหรับอาการปวดข้ออักเสบ
CBD (Cannabidiol) เป็นสารประกอบธรรมชาติที่สกัดจากพืชกัญชา แตกต่างจาก THC ซึ่ง CBD นั้นไม่มีผลออกฤทธิ์ทางจิต CBD มีปฏิกิริยากับระบบ endocannabinoid ในร่างกาย มีบทบาทในการควบคุมความเจ็บปวด, การอักเสบ และกระบวนการทางสรีรวิทยาอื่น ๆ
ข้อมูลจากการวิจัย
มีการศึกษาเกี่ยวกับ CBD อย่างกว้างขวางสำหรับคุณสมบัติยาแก้ปวด (บรรเทาอาการปวด) การศึกษาแสดงให้เห็นว่า CBD อาจควบคุมส่วนของการรับรู้ความเจ็บปวดโดยการทำปฏิกิริยากับตัวรับที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมความเจ็บปวด
ข้อมูลด้านล่างนี้ เป็นบทสรุปของการวิจัยล่าสุดในบริบทที่เกี่ยวกับอาการปวดข้อ:
- การศึกษาในปี 2022 ที่ตีพิมพ์ในวารสารการวิจัยกัญชาพบว่า การใช้ CBD มีความสัมพันธ์กับการปรับปรุงที่สำคัญเกี่ยวกับอาการปวด, การทำงานของร่างกาย และคุณภาพการนอนหลับในผู้ป่วยโรคข้ออักเสบ การศึกษายังเผยให้เห็นถึงการลดหรือหยุดยาอื่น ๆ หลังการใช้ CBD รวมถึงยาต้านการอักเสบและ opioids อีกด้วย
- การศึกษาที่ตีพิมพ์ในปี 2020 ชี้ให้เห็นว่า CBD อาจมีบทบาทในการจัดการกับอาการปวดและการอักเสบที่เกี่ยวข้องกับโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์และโรคข้อเข่าเสื่อมได้
- อีกบทความหนึ่งชื่อว่า “กัญชาเป็นยาที่มีประสิทธิภาพในการรักษาอาการปวดข้อหรือไม่” ได้ข้อสรุปว่า cannabinoids ดูเหมือนจะมีผลดีต่ออาการปวดข้อในการศึกษาในสัตว์ นอกจากนี้ยังเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการศึกษาเพิ่มเติมและการทดลองทางคลินิก
- จากข้อมูลของมูลนิธิโรคข้ออักเสบ หลักฐานโดยสังเขปบ่งชี้ว่า บางคนที่เป็นโรคข้ออักเสบที่ใช้ CBD พบว่า อาการปวดลดลงอย่างเห็นได้ชัด, การนอนหลับดีขึ้น และความวิตกกังวลลดลง
- การวิจัยได้เผยให้เห็นถึงหลักฐานที่น่าสนใจที่สนับสนุนประโยชน์ในการบรรเทาอาการปวดที่เป็นไปได้ของการใช้ CBD เฉพาะบริเวณที่มีอาการ การศึกษาในสัตว์ในปี 2015 ได้มีการทดลองในหนูที่เป็นโรคข้ออักเสบ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการให้ cannabidiol ทางผิวหนัง ช่วยลดการอักเสบและบรรเทาอาการที่เกี่ยวข้องกับความเจ็บปวดได้อย่างมีประสิทธิภาพได้
ในระยะสั้น Cannabidiol มีศักยภาพ ดังต่อไปนี้:
- ลดอาการปวดข้อ เพิ่มความสะดวกสบาย และคุณภาพชีวิตโดยรวม
- เพิ่มความคล่องตัวและความยืดหยุ่นของข้อต่อ โดยใช้ประโยชน์จากคุณสมบัติต้านการอักเสบที่อาจเกิดขึ้น
- ลดการใช้ยาในกลุ่ม opioids และยาแก้ปวด
ความปลอดภัย
โดยทั่วไปแล้ว CBD ถือว่าปลอดภัย เนื่องจากมีความเสี่ยงต่ำและมีผลข้างเคียงน้อยที่สุด ผลข้างเคียงที่พบได้ทั่วไป (ถ้ามี) นั้นไม่รุนแรงซึ่งอาจรวมถึงความเหนื่อยล้า, ปากแห้ง หรือความอยากอาหารเปลี่ยนแปลงไป ขึ้นอยู่กับประเภทของผลิตภัณฑ์ CBD ที่คุณเลือก, คุณภาพ, ส่วนผสม และชีววิทยาของคุณ
ความถูกต้องตามกฎหมาย
CBD นั้นถูกกฎหมายอย่างสมบูรณ์ในประเทศไทย เนื่องจากอยู่ภายใต้ขอบเขตของกัญชาทางการแพทย์ มีร้านขายยา, ร้านค้า และคลินิกมากมายที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์ CBD ซึ่งหลายแห่งมีแพทย์เฉพาะทางที่เชี่ยวชาญด้านการแพทย์แผนไทยและกัญชาคอยให้คำปรึกษาอยู่
การเลือก CBD สำหรับอาการปวดข้อ: มีตัวเลือกอะไรบ้าง?
CBD มีจำหน่ายในรูปแบบต่าง ๆ รวมถึงน้ำมัน ยาทาภายนอก (ครีม, โลชั่น, บาล์ม), แคปซูล, กัมมี่ และอาหารผสมกัญชา
Weed Review ขอแนะนำอย่างยิ่งในการไปพบแพทย์ หรือคลินิกกัญชาทางการแพทย์ก่อน เพื่อรับคำแนะนำการใช้ได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมในแต่ละบุคคล
ทิงเจอร์และน้ำมัน
น้ำมัน CBD เป็นรูปแบบที่ได้รับความนิยมของ CBD สามารถรับประทานได้ โดยหยดไว้ใต้ลิ้น 2-3 หยดหรือใส่ในอาหารและเครื่องดื่ม บางส่วนก็สามารถใช้เป็นน้ำมันนวดตัวได้
น้ำมันมีด้วยกัน 3 ประเภท ได้แก่ full-spectrum, broad-spectrum และ isolates.
เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด เราแนะนำให้ใช้แบบ full-spectrum เนื่องจากมีสารแคนนาบินอยด์และเทอร์ปีนที่สำคัญทั้งหมดซึ่งมีส่วนช่วยในการบรรเทาอาการปวดได้เป็นอย่างดี
การใช้ทิงเจอร์หรือน้ำมัน ปริมาณการใช้เป็นสิ่งที่ไม่แน่นอนและถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดอย่างรวดเร็ว ทำให้สามารถส่งผลประโยชน์ที่เป็นไปได้ของ CBD ต่ออาการปวดข้อและโรคข้ออักเสบได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผลกระทบจะเกิดขึ้นภายใน 15-45 นาที และคงอยู่ได้นาน 4-6 ชั่วโมง
คุณจะพบทิงเจอร์ CBD ที่มีความเข้มข้นต่างกัน ตั้งแต่ 600 มก. ถึง 3,000 มก. องค์การเภสัชกรรม (GPO) ยังได้จัดทำตำรับยา CBD สำหรับใช้เป็นยาของตนเองอีกด้วย
กัมมี่และอาหารผสมกัญชา
อาหารที่ผสม CBD รวมถึงกัมมี่ นับเป็นวิธีที่ง่ายและสนุกสนานในการเพิ่ม CBD ให้กับกิจวัตรประจำวันของคุณ เหล่านี้ผสมด้วย CBD และมีรสชาติอร่อยหลากหลาย ด้วยการผสมในอาหารอย่างระมัดระวังและมาในปริมาณที่เฉพาะเจาะจง (10 หรือ 20 มก. ต่อ กัมมี่ เป็นต้น) สำหรับการรับประทาน CBD
อาหารผสมกัญชาและกัมมี่ ใช้เวลาในการสร้างผลลัพธ์ตั้งแต่ 30 นาทีถึง 2 ชั่วโมง เอฟเฟกต์ที่ได้นี้จะอยู่ในร่างกายได้นานตั้งแต่ 6-8 ชั่วโมง
ดอกกัญชา
ดอก CBD หรือที่เรียกว่า ‘ดอกกัญชง’ คือ ดอกตูมของต้นกัญชาที่มีสาร CBD ในระดับสูงและ THC ในระดับต่ำ มีดอก CBD หลายสายพันธุ์ที่มีระดับ CBD และโปรไฟล์ของเทอร์ปีนที่แตกต่างกัน ดอกต่าง ๆเหล่านี้สามารถสูบหรือระเหยก็ได้ ซึ่งเป็นวิธีการดูดซึม CBD ที่ออกฤทธิ์เร็ว คุณจะรู้สึกถึงผลลัพธ์ภายในไม่กี่นาที แต่จะจางหายไปได้เองภายใน 3-4 ชั่วโมง
นอกจากนี้ คุณยังสามารถใช้สิ่งเหล่านี้ในการทำผลิตภัณฑ์ CBD แบบโฮมเมดได้ เช่น น้ำมัน, อาหาร หรือยาทาภายนอก เป็นต้น
ยาทาภายนอก
สาร CBD ที่ใช้เฉพาะที่ เช่น ครีม, โลชั่น และบาล์ม ได้รับการออกแบบมาให้ทาได้โดยตรงกับผิวหนัง ในบริเวณที่มีอาการปวดข้อหรือโรคข้ออักเสบ ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ได้รับการคิดค้นขึ้น เพื่อบรรเทาอาการเฉพาะจุด เป็นการบรรเทาอาการปวดในบริเวณที่รู้สึกไม่สบายได้เป็นอย่างดี
ยาทาภายนอกเฉพาะที่ CBD จะถูกดูดซึมผ่านผิวหนังและอาจให้ผลในการผ่อนคลาย ลดการอักเสบ และบรรเทาอาการปวดบริเวณข้อต่อ ซึ่งจะไม่ได้ถูกดูดซึมเข้าถึงระบบในร่างกาย จะไม่เหมือนกับน้ำมันที่ใช้แบบทานหรืออาหารผสมกัญชา
กัญชง
ต้นกัญชงมีแนวโน้มที่จะผลิตดอกตูมที่มีระดับ CBD สูง หลายยี่ห้อใช้ CBD ที่มาจากกัญชง เพื่อประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้น
คุณจะพบน้ำมันกัญชงที่มี cannabinoids และ terpenes
อย่าสับสนกันระหว่างน้ำมันเมล็ดกัญชงซึ่งทำจากเมล็ดพืชกัญชง เพราะมันอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและกรดไขมัน แต่ไม่มี CBD หรือ THC
วิธีการเลือกผลิตภัณฑ์ CBD ที่เหมาะสม
หากจะเลือกผลิตภัณฑ์ CBD มีสิ่งสำคัญอยู่หลายปัจจัยที่ต้องพิจารณา ได้แก่:
- ความเข้มข้น และประสิทธิภาพสูง โดยเริ่มที่ 500 มิลลิกรัม
- เลือกทิงเจอร์ที่เป็นแบบ Full หรือ Broad-spectrum ที่ให้ผลในการบรรเทาอาการข้ออักเสบ
- การทดสอบในห้องปฏิบัติการของบุคคลที่สาม เพื่อความบริสุทธิ์และประสิทธิภาพ
- ส่วนผสมและสารก่อภูมิแพ้ที่อาจเกิดขึ้น
- การรีวิวผลิตภัณฑ์ และชื่อเสียงของผู้ผลิต
วิธีการใช้ Cannabidiol สำหรับโรคข้ออักเสบ
- ทดลองใช้ผลิตภัณฑ์และปริมาณที่แตกต่างกัน เพราะร่างกายของแต่ละคนมีลักษณะเฉพาะตัว และการค้นหาผลิตภัณฑ์ CBD ที่เหมาะสมอาจต้องมีการทดลองใช้อยู่บ้าง
- เริ่มต้นด้วยปริมาณ CBD ที่น้อยก่อน และค่อย ๆ เพิ่ม ตามความจำเป็น ฟังร่างกายของคุณและปรับขนาดยาให้เหมาะสม ผู้เริ่มต้นอาจเริ่มต้นด้วย 15-20 มก. ของ CBD ต่อวัน
- ควรใช้อย่างสม่ำเสมอ การได้รับผลประโยชน์ของ CBD สำหรับอาการปวดข้อและโรคข้ออักเสบนั้นจำเป็นต้องใช้เป็นประจำ เมื่อเวลาผ่านไป ความอดทนและการรักษา CBD อย่างสม่ำเสมอให้มีความสอดคล้องกัน เป็นการเพิ่มโอกาสในการได้รับผลลัพธ์ที่ต้องการ
- ควรปรึกษาแพทย์ ก่อนเพิ่ม CBD ในกิจวัตรประจำวัน
ประเภทของความเจ็บปวดและการรักษานั้น จะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล เนื่องจากกัญชาออกฤทธิ์ต่างกัน จึงไม่มีแนวทางสากลหรือขนาดการใช้ยาcannabidiol
ทั้งนี้ ยังมีหลายสิ่งที่สามารถทำได้ เพื่อปรับปรุงผลการบรรเทาความเจ็บปวดของ CBD
ผลข้างเคียงและปฏิกิริยาระหว่างยา
ผลข้างเคียงของ CBD ที่พบบ่อย ได้แก่ ปากแห้ง, อ่อนเพลียชั่วคราว หรือความอยากอาหารเปลี่ยนแปลง ผลข้างเคียงเหล่านี้มักไม่รุนแรง และเกิดขึ้นชั่วคราว หากผลข้างเคียงยังคงอยู่ ให้หยุดใช้ผลิตภัณฑ์
CBD สามารถทำปฏิกิริยากับยาบางชนิดได้ มีผลต่อเอนไซม์ในตับที่มีหน้าที่ในการเผาผลาญยา จึงส่งผลต่อประสิทธิภาพในร่างกายของคุณ
ยาที่พบบ่อย ได้แก่ NSAIDs (ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์) และยาแก้ปวด เช่น Celebrex เป็นต้น
หากคุณมียาที่ต้องใช้ประจำ โปรดปรึกษาแพทย์ เพื่อให้แพทย์คำนวณหาปริมาณที่เหมาะสมที่สุดสำหรับ CBD และยาก่อน
บทสรุป
CBD มีศักยภาพในการรักษาตามธรรมชาติสำหรับอาการปวดข้อและโรคข้ออักเสบ ด้วยคุณสมบัติต้านการอักเสบและยาแก้ปวด CBD อาจบรรเทาอาการปวด, ปรับปรุงการนอนหลับ และเพิ่มการเคลื่อนไหวของข้อต่อให้ดีขึ้น
หากจะใช้ CBD สิ่งสำคัญคือ ต้องเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม, เริ่มด้วยปริมาณที่น้อย และรักษาความสม่ำเสมอ การปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอเพื่อความปลอดภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่อาจเกิดปฏิกิริยาระหว่างยา แม้ว่าการตอบสนองของแต่ละบุคคลอาจแตกต่างกันไป แต่ CBD นับเป็นทางเลือกที่มีแนวโน้มในการจัดการกับอาการปวดข้อ, มีส่วนช่วยในการปรับปรุงคุณภาพชีวิต และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นได้