กัญชากับนาฬิกาชีวภาพ: กัญชามีผลต่อวงจรการนอนหลับและ ตื่นอย่างไร
Table of Contents
เมื่อกัญชาทางการแพทย์กลายเป็นที่นิยม สิ่งสำคัญคือ ต้องศึกษาหลาย ๆ ปฏิสัมพันธ์ที่กัญชามีผลต่อร่างกายและชีวิตของเรา จุดสนใจหนึ่งก็คือ ความสัมพันธ์ระหว่างกัญชากับ Circadian Rhythm (นาฬิกาชีวภาพ) ซึ่งเป็นนาฬิกาที่นำทางในชีวิตประจำวันของเรา
การทำความเข้าใจว่า กัญชามีอิทธิพลต่อจังหวะเหล่านี้อย่างไร จะทำให้เราเข้าใจได้ดีขึ้นว่า กัญชาส่งผลต่อการนอนหลับของเราได้อย่างไร
บทความนี้เราจะอธิบายให้เห็นภาพได้อย่างชัดเจนว่า กัญชามีอิทธิพลต่อนาฬิกาชีวภาพของเราอย่างไร
นาฬิกาชีวภาพ (Circadian Rhythm) คืออะไร
ชีวิตบนโลกถูกควบคุมด้วยจังหวะตามธรรมชาติทั้งกลางวันและกลางคืน ซึ่งมีอิทธิพลต่อพฤติกรรมของสิ่งมีชีวิตทั้งหมด ในมนุษย์ เราสิ่งนี้เรียกว่า Circadian Rhythm (นาฬิกาชีวภาพ) ซึ่งมักเรียกว่า ‘นาฬิกาหลัก’ ของร่างกายเรา และบ่งบอกถึงกิจกรรมที่จำเป็น เช่น การนอนหลับ, การรับประทานอาหาร และการตื่น เป็นต้น
คำว่า ‘Circadian Rhythm’ มาจากภาษาละตินที่รวม ‘circa’ (หมายถึงรอบ) และ ‘diem’ (หมายถึงวัน) รวมกันเป็น ‘รอบใน 1 วัน’
Circadian Rhythm (นาฬิกาชีวภาพ) ทำงานเป็นวงจร 24 ชั่วโมง เพื่อควบคุมกระบวนการต่าง ๆ ของร่างกาย รวมถึงวงจรการหลับ-ตื่นด้วย การทำเช่นนี้จะช่วยให้มั่นใจได้ว่า การทำงานของร่างกายของเราสอดคล้องกับสภาพแวดล้อมภายนอก โดยเฉพาะกลางวันและกลางคืน
นาฬิกาหลักและวงจรการนอนหลับ
จังหวะการเต้นของหัวใจ ถูกควบคุมโดยส่วนหนึ่งของสมอง ที่เรียกว่า Suprachiasmatic Nucleus หรือ SCN ที่ทำงานเกี่ยวข้องกับนาฬิกาหลัก
SCN รับสัญญาณแสงจากสภาพแวดล้อม ซึ่งทำหน้าที่เป็น “zeitgeber” หรือผู้กำหนดจังหวะในช่วงเวลากลางวัน สัญญาณแสงกระตุ้นให้ SCN ส่งสัญญาณให้ส่วนอื่น ๆ ของสมองหลั่งฮอร์โมน เช่น คอร์ติซอล ที่ทำให้คุณตื่นตัว เมื่อความมืดมาเยือน SCN จะส่งสัญญาณให้สมองปล่อยเมลาโทนิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนกระตุ้นให้ง่วง
SCN ตรวจสอบให้แน่ใจว่า นาฬิกาทั้งหมดในร่างกายทำงานตรงกัน และตรงกับกลางวันและกลางคืน การทำงานเป็นทีมนี้ช่วยให้เราเตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงในแต่ละวัน และรักษาสุขภาพให้แข็งแรงได้
Circadian entrainment: การเชื่อมโยงกับสภาพแวดล้อม
ตอนนี้คุณอาจสงสัยว่า ร่างกายของเราปรับตัวได้อย่างไร เมื่อต้องเดินทางข้ามเขตเวลา หรือเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงของแสง นี่คือที่มาของ ‘Circadian Entrainment’ ซึ่งหมายถึง กระบวนการที่นาฬิกาชีวภาพ ปรับให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อม เช่น การเปลี่ยนแปลงของแสงและอุณหภูมิ
ตัวอย่างเช่น หากคุณเดินทางไปยังสถานที่ซึ่งมืดช้ากว่าที่คุณคุ้นเคย SCN จะปรับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ และค่อย ๆ ปรับวงจรการนอนหลับให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมใหม่ มันเหมือนกับการรีเซตนาฬิกาหลักของคุณนั่นเอง
สิ่งนี้ช่วยให้เราปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงของกลางวันและกลางคืนได้ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงบทบาทอันทรงพลังของ Zeitgebers ในนาฬิกาชีวภาพได้อย่างชัดเจน
กัญชาและนาฬิกาชีวภาพ: เจาะลึกข้อมูลทางวิทยาศาสตร์
สรรพคุณของกัญชาถูกนำมาใช้เป็นยารักษาโรค และออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทมานานหลายศตวรรษ โดยมีศูนย์กลาง คือ กลุ่มของสารประกอบที่เรียกว่า Cannabinoids
สารที่รู้จักกันดีที่สุด คือ Delta-9-Tetrahydrocannabinol (THC) และ Cannabidiol (CBD) สารประกอบเหล่านี้ทำปฏิกิริยากับระบบ Endocannabinoid ในร่างกาย ซึ่งมีบทบาทในการควบคุมการทำงานที่หลากหลาย รวมถึงการนอนหลับด้วย
อิทธิพลของ Cannabinoid ต่อนาฬิกาชีวภาพ
ระบบ Endocannabinoid (ECS) มีบทบาทสำคัญในการรักษาสภาวะสมดุลของร่างกาย และเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับ วงจรชีวิตแบบสองทิศทาง หรือการที่สองกระบวนการมีผลกระทบต่อกัน ที่น่าสนใจคือ ECS มีลักษณะเป็นวงจร และเป็นไปตามจังหวะที่กำหนดไว้
ตัวรับ Cannabinoid CB1 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ ECS มีการกระจายตัว ในพื้นที่ของสมองที่ควบคุมจังหวะการเต้นของหัวใจ เช่น SCN เมื่อ Cannabinoids เช่น THC หรือ CBD โต้ตอบกับตัวรับ CB1 เหล่านี้ พวกมันมีโอกาสที่จะมีอิทธิพลต่อระบบ circadian และส่งผลกระทบต่อกระบวนการต่าง ๆ เช่น วงจรการนอนหลับและการทำงานที่เกี่ยวข้องกับ Circadian Cycle
Lauren N Whitehurst และคณะ ได้วิจัยผลงานที่โดดเด่นที่สุดชิ้นหนึ่งในสาขานี้ โดยในเอกสารวิจัยที่ชื่อว่า ‘ผลกระทบของการใช้กัญชาเรื้อรังต่อการปรับตัวของวงจรชีวิต’ มีข้อสังเกตว่า นาฬิกาชีวภาพของผู้ใช้กัญชาอย่างต่อเนื่อง จะปรับตัวได้ดีกว่ากลุ่มที่ไม่ได้ใช้กัญชา
การศึกษานี้ยังเน้นถึงศักยภาพของกัญชาในฐานะ Zeitgeber สิ่งนี้สามารถอธิบายได้ว่า ทำไมบางคนได้จึงใช้กัญชาบรรเทาอาการเจ็ตแล็กได้
ข้อมูลด้านงานวิจัยเพิ่มเติม ได้แก่:
- THC ส่งผลต่อการรับรู้เวลา และรบกวนนาฬิกาภายในร่างกาย โดยการยับยั้งเซลล์สมอง โดยเฉพาะสารสื่อประสาทที่เรียกว่า GABA ซึ่งมีความสำคัญต่อการสื่อสารภายใน SCN ผลที่ตามมาคือ การเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากการรบกวนของแสง ซึ่งหมายความว่า กัญชาจะช่วยทำให้คุณหลับได้เร็วขึ้น
- อุณหภูมิแกนกลางของร่างกายเกี่ยวข้องกับวงจรการนอนหลับและตื่น และควบคุมโดย SCN การศึกษาในหนู พบว่า การใช้สาร THC ติดต่อกันเป็นเวลา 1 สัปดาห์ มีผลควบคุมอุณหภูมิร่างกายให้ปกติ ในทางตรงกันข้าม เมื่อเทียบกับหนูที่ไม่ได้ใช้ อุณหภูมิร่างกายสูงสุดจะเปลี่ยนไปราว ๆ 12 ชั่วโมง ซึ่งบ่งชี้ถึงผลกระทบที่ยาวนานต่ออุณหภูมิตามธรรมชาติ
- งานวิจัยในปี 2019 ระบุว่า Cannabinoid มี ประโยชน์ ต่อนาฬิกาชีวภาพของผู้สูงอายุ การใช้กัญชาทางการแพทย์อย่างระมัดระวัง สามารถกระตุ้นนาฬิกาชีวภาพของผู้สูงอายุ และช่วยให้ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับอายุบางอย่างลดลงได้
เป็นที่น่าสังเกตว่า งานวิจัยเพิ่มเติมมีการศึกษาในมนุษย์มากขึ้น
ศักยภาพของกัญชาในฐานะของ Zeitgeber และอิทธิพลต่อจังหวะการเต้นของหัวใจ จำเป็นต้องได้รับการศึกษาโดยละเอียด นอกจากนี้ ยังรวมถึงการพิจารณาปริมาณ, ความแรง และความถี่ของการใช้กัญชาทางการแพทย์ภายในบริบทนี้ด้วย
ปฏิสัมพันธ์ของกัญชากับการนอนหลับ
การนอนหลับไม่ได้เป็นสภาวะที่สม่ำเสมอ แต่ประกอบด้วยหลายระยะ โดยระยะหลัก 2 ระยะ คือ การนอนหลับช่วง REM (มีการกรอกตาไปมาอย่างรวดเร็ว) และการนอนหลับช่วง Non-REM ดังนี้:
- งานวิจัยชี้ให้เห็นว่า กัญชาโดยเฉพาะสาร THC มีอิทธิพลต่อระยะการนอนหลับ การศึกษาบางชิ้นระบุว่า THC อาจเพิ่มระยะเวลานอนหลับลึก ซึ่งมีความสำคัญต่อการฟื้นฟูร่างกาย
- นอกจากนี้ THC ยังส่งผลต่อร่างกาย เนื่องด้วยการมีปฏิสัมพันธ์กับเมลาโทนิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนธรรมชาติ ที่มีหน้าที่ควบคุมวงจรการหลับ-ตื่น
- กัญชาสามารถลดการนอนหลับช่วง REM และทำให้ฝันน้อยลงได้
- ข้อเสียการใช้กัญชาอย่างต่อเนื่องและปริมาณมาก คือ ปัญหาในการนอนหลับ เช่น การเปลี่ยนแปลงวงจรการนอนหลับ
เมื่อพิจารณาความสัมพันธ์ระหว่าง Circadian Cycle กับกระบวนการนอนหลับ จะเห็นได้ชัดว่า กัญชาส่งผลกระทบต่อนาฬิกาชีวภาพของเราอย่างมากเลยทีเดียว
บทสรุป
งานวิจัยแสดงให้เห็นว่า กัญชาสามารถส่งผลกระทบต่อนาฬิกาภายในร่างกายของเรา แต่เรายังคงต้องเรียนรู้ว่า สิ่งนี้มีความหมายต่อสุขภาพอย่างไร สำหรับบางคน กัญชาอาจช่วยในการนอนหลับ แต่บางคนอาจรบกวนการนอนหลับได้เช่นกัน
ในขณะที่นักวิทยาศาสตร์ยังคงศึกษาเรื่องนี้ เราได้เรียนรู้เพิ่มเติมว่า กัญชาส่งผลต่อการนอนหลับและสุขภาพโดยรวมอย่างไร ที่สำคัญไปกว่านั้น การค้นพบนี้สามารถปูทางสำหรับการประยุกต์ใช้เพื่อการรักษาที่มีศักยภาพ ในขณะเดียวกัน ก็รับรู้ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้เช่นกัน
ข้อมูลเหล่านี้สามารถช่วยให้เรามีทางเลือกที่ชาญฉลาดมากขึ้นในการใช้กัญชาและการหาสมดุลที่มีประสิทธิภาพสำหรับเราแต่ละคน