White Widow
การบริโภคกัญชาอาจทำให้เสพติดได้ ขอแนะนำให้ใช้อย่างมีความรับผิดชอบ เนื้อหาภายในหน้านี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้นและไม่สามารถใช้แทนคำแนะนำทางการแพทย์ได้ โปรดปรึกษาแพทย์หากคุณต้องการใช้กัญชาร่วมกับแผนเพื่อสุขภาพในปัจจุบัน
Quick info
CBD
1%
THC
17%
Effects & Usage
Grow Info
Growing Difficulty
Potential Yield
Height Range
Suited for
Flowering Time
Buy White Widow Seeds
Benefits
White Widow เกิดจากการผสมผสานสายพันธุ์แลนด์เรซสองตัว ได้แก่ ซาติวา Brazilian กับอินดิกา South Indian เรียกได้ว่าเป็นสายพันธุ์คลาสสิกตลอดกาลในวงการกัญชา สายพันธุ์นี้เป็นแบบไฮบริดที่เน้นอินดิกา หลังเกิดขึ้นมาได้ไม่นานก็ชนะรางวัล High Times Cup ในปี 1995 และได้กลายเป็นสายพันธุ์ที่ร้านกัญชาทุกร้านทั่วโลกต้องมีไว้จำหน่าย มีระดับ THC อยู่ที่ 16-20% ทำให้คุณรู้สึกได้รับการกระตุ้นทางจิตและทำให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลาย นอกจาก CBD แล้วยังมี CBG ผสมเข้ามาด้วยที่ระดับ 1%
อาการเริ่มต้น
ดอกกัญชาชนิดนี้มีชื่อเสียงมาจากการออกฤทธิ์ที่นุ่มนวลและลื่นไหล ไม่ว่าใครก็ชอบได้ไม่ยาก White Widow คือความสมดุลที่ลงตัวระหว่างความผ่อนคลายและการกระตุ้นทางจิต ทำให้เหมาะสำหรับมือใหม่ที่ต้องการลองใช้งานกัญชาเป็นครั้งแรกโดยคุณจะรู้สึกเคลิ้มและมีพลังงานพลุ่งพล่านไปพร้อมกัน สายพันธุ์นี้เหมาะสำหรับการใช้ในงานสังสรรค์ต่าง ๆ เนื่องจากช่วยกระตุ้นให้เกิดการพูดคุยและความคิดสร้างสรรค์ได้อย่างเต็มเปี่ยม หลังใช้งานคุณจะยังคงสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติด้วยความไม่คิดมากและมองโลกในแง่ดี ผู้ใช้ที่มีอารมณ์แปรปรวนและสมาธิสั้นจะเห็นผลได้เป็นอย่างดีเมื่อใช้งาน
เมื่อใช้ White Widow ไปสักพัก อินดิกาจะเริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้นด้วยการทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลายที่ร่างกายและง่วงนอนในที่สุด จึงเหมาะสำหรับการใช้ในช่วงกลางวัน/ยามเย็นมากกว่า
หากคุณเป็นคนที่ชอบสายพันธุ์ไฮบริดที่ผสมผสานกันอย่างลงตัวแบบนี้ คุณอาจชอบ Pineapple Express ที่จะออกฤทธิ์ในลักษณะที่คล้ายคลึงกัน
การใช้งาน
เนื่องจากมีปริมาณซาติวาและอินดิกาที่สูงทั้งคู่จึงทำให้สายพันธุ์นี้มีสรรพคุณทั้งต่อร่างกายและจิตใจ ช่วยเรื่องความเครียด ความวิตกกังวล และภาวะซึมเศร้า แถมยังทำให้มีสมาธิมากขึ้นอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม โปรดทราบว่าดอกกัญชาที่มี THC สูงอาจทำให้คุณเครียดและวิตกกังวลมากกว่าเดิม โปรดใช้แต่พอเหมาะและรู้ขีดจำกัดของตนเอง
อินดิกาในระดับสูงสามารถช่วยบรรเทาอาการให้กับผู้ที่ปวดเมื่อยร่างกาย และแคริโอฟิลลีนสามารถช่วยเรื่องการต้านอักเสบ
ผลข้างเคียง
บุคคลที่ใช้สายพันธุ์นี้รายงานว่ามีอาการหวาดระแวงและวิงเวียนศีรษะ จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว รวมถึงอาจมีอาการปากและตาแห้งร่วมด้วย
เมื่อออกฤทธิ์ไปสักพัก ร่างกายจะเข้าสู่สภาวะผ่อนคลายจนทำให้รู้สึกง่วงนอน ด้วยเหตุนี้ White Widow จึงไม่เหมาะสำหรับการใช้งานในตอนเช้า
Taste & Smell
ดอก White Widow มีลักษณะน่าดึงดูดใจ ทั้งดอกและใบปกคลุมด้วยไตรโคมคริสตัลที่จะเปล่งประกายเมื่อโดนแสง ชื่อของสายพันธุ์นี้มาจากเรซินสีขาวที่ทำให้ดอกกัญชานี้มีความเหนียวเป็นพิเศษ
สายพันธุ์นี้มีกลิ่นฉุนและแซมมาด้วยกลิ่นสไปซี่และดินหญ้า ควันที่ได้จากการสูบจะมีกลิ่นของดินผสมผลไม้และเครื่องเทศ คล้ายกับสายพันธุ์ AK 47
หากคุณต้องการใช้งานแบบไม่รบกวนใคร กลิ่นฉุนอาจเป็นปัจจัยที่ต้องนำมาประกอบการพิจารณา
ต้นกำเนิด
สายพันธุ์นี้เป็นผลผลิตจาก Scott Blakey (หรือที่รู้จักกันในชื่อ Shantibaba เราขอแนะนำให้ลองอ่านเพิ่มเติมประวัติและความเป็นมาที่ Wikipedia ของเขา) ผู้ซึ่งเป็นนักเพาะพันธุ์กัญชารายหนึ่งที่มีผลงานมากมากมาย และ White Widow มีการพัฒนาเรื่อยมาโดย Green House Seeds ในเมืองอัมสเตอร์ดัมที่เรียกได้ว่าเป็นเมืองแห่งกัญชาของโลก
แม้เรายังไม่อาจทราบได้แน่ชัดว่าพืชชนิดนี้มีต้นกำเนิดมาจากอะไร แต่มีการคาดการณ์กันว่า White Widow เกิดจากการผสมผสานระหว่างซาติวาแลนด์เรซ Brazilian, Manga Rosa และอินดิกาแลนด์เรซ South Indian ที่มีเรซินมาก ก่อให้เกิดเป็นดอกที่มีความเหนียวและปกคลุมไปด้วยไตรโคม
สภาพการเจริญเติบโต
White Widow คือสายพันธุ์ที่ปลูกและเก็บเกี่ยวได้ง่าย แม้เป็นมือใหม่ก็สามารถทำได้ แม้ว่าจะเหมาะสำหรับการปลูกในร่มมากกว่า แต่สายพันธุ์นี้ก็สามารถเติบโตได้ดีในพื้นที่กลางแจ้งที่มีสภาพอากาศอบอุ่นและแดดจัดอย่างในไทย และด้วยความที่สายพันธุ์นี้มีอินดิกาเป็นส่วนผสมหลัก ทำให้ White Widow มีลักษณะเป็นพวง หากปลูกในร่มจะสูงได้สูงสุดไม่เกิน 1 เมตร แต่ถ้าปลูกกลางแจ้งจะสามารถสูงได้ 1.5-1.8 เมตร
เกร็ดน่ารู้อีกหนึ่งอย่างคือ สายพันธุ์นี้สามารถต้านโรคได้เป็นอย่างดี ทำให้เกษตรกรไม่จำเป็นต้องดูแลเป็นพิเศษ ใช้เวลาโตเต็มวัยอยู่ที่ 8 ถึง 10 สัปดาห์ โดยมีผลผลิตอยู่ที่ประมาณ 450-500 กรัมต่อตารางเมตรหากปลูกในร่วม และ 550-600 กรัมต่อต้นเมื่อปลูกกลางแจ้ง