Stardawg
การบริโภคกัญชาอาจทำให้เกิดการเสพติดได้ และไม่แนะนำให้ผู้ที่เป็นโรคหรือมีอาการวิตกกังวลเกี่ยวกับการบริโภคกัญชา เนื้อหาบนหน้าเว็บไซต์นี้มีวัตถุประสงค์เพื่อใหห้ข้อมูลเท่านั้น มิใช่คำแนะนำทางการแพทย์ หากคุณต้องการที่จะบริโภคกัญชา เพื่อส่งเสริมสุขภาพของคุณ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ก่อนทุกครั้ง
Quick info
CBD
1%
THC
22%
Effects & Usage
Benefits
Stardawg (หรือที่รู้จักในชื่อ Stardog) เป็นสายพันธุ์ลูกผสมที่บิดไปจาก sativa เล็กน้อย แต่ยังคงมีส่วนที่แสดงให้เห็นถึงบรรพบุรุษ Chemdawg ได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยกลิ่นหอมดีเซล- สน และกลิ่นที่ทำให้สมองที่มีชีวิตชีวา มี THC ประมาณ 20% โดยเฉลี่ย สายพันธุ์นี้จะให้คุณได้สัมผัสกับพลังงาน ความสุข และความคิดสร้างสรรค์จากนอกโลก
อาการเริ่มต้น
Stardawg มีการออกฤทธิ์ที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ จะเริ่มจากการกระตุ้นสมองอันน่าตื่นเต้นซึ่งจะช่วยกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์และความเป็นอยู่โดยรวม ไม่ควรมองข้ามสายพันธุ์นี้ ผลของมันจะทำให้คุณมีพลังอย่างรวดเร็ว เป็นการเติมพลังและเตรียมพร้อมสำหรับทุกกิจกรรม ด้วยเหตุนี้ เมื่อใช้อย่างมีความรับผิดชอบ เหมาะที่สุดสำหรับผู้ที่ต้องการความกระปรี้กระเปร่า (wake-and-bake) โดยทดแทนกาแฟยามเช้าของคุณได้อย่างเพอร์เฟกต์
ไม่ว่าจะเป็นความท้าทายที่รอคุณอยู่ ไม่ว่าจะเป็นโครงการงานที่ต้องใช้ความพยายามมาก หรือการทำความสะอาด Stardawg ก็พร้อมสนับสนุน คุณสมบัติที่สร้างความอิ่มเอมใจจะทำให้รู้สึกเหมือนกำลังลอยอยู่ท่ามกลางดวงดาว ขจัดความเครียดและความวิตกกังวลออกไปสู่จักรวาล ยิ่งไปกว่านั้น อินดิกาที่มีอยู่ในลูกผสมยังช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายอย่างถึงขีดสุด คลายความตึงเครียดทางร่างกาย และเปิดทางให้รู้สึกสงบอย่างลึกซึ้งโดยไม่ต้องนอนนิ่งอยู่กับโซฟา
ถ้าหากสามารถควบคุมการบริโภคได้ มั่นใจได้เลยว่าจะได้รับประสบการณ์ที่สวยงาม นับเป็นการบริโภคกัญชาได้อย่างมีคุณภาพมากทีเดียว
คุณยังสามารถเรียกดูรายชื่อพันธุ์กัญชาไฮบริดที่มีพลังมากขึ้นของเรา
การใช้
แม้ว่าผู้ใช้ด้านสันทนาการส่วนใหญ่จะชื่นชอบ Stardawg กลับกันสายพันธุ์นี้สามารถให้ประโยชน์ทางยาได้เช่นกัน การออกฤทธิ์ที่ทำให้กระฉับกระเฉงและมีชีวิตชีวาจากลิโมนีน (Limonene) อาจเป็นทางออกที่ดีเยี่ยมสำหรับผู้ที่ต้องดิ้นรนกับความเหนื่อยล้ามาอย่างยาวนาน
เนื่องจากคาริโอฟิลลีน (Caryophyllene) มีฤทธิ์มาก จึงมีคุณสมบัติต้านการอักเสบ อาจช่วยบรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อ/ข้อและปวดศีรษะได้
ในด้านของจิตใจกับสภาวะต่าง ๆ เช่น ความเครียด วิตกกังวล และภาวะซึมเศร้า สามารถบรรเทาลงได้ อีกทั้งยังให้ในเรื่องการผ่อนคลายและร่าเริงมาแทนที่ ดังนั้น จึงสามารถใช้เป็นเกราะป้องกันชั่วคราวสำหรับอาการต่าง ๆ ได้
ผลข้างเคียง
การบริโภค Stardawg พูดได้เลยว่าส่งผลให้ปากและตาแห้งอย่างแน่นอน ส่วนอาการวิงเวียนศีรษะและปวดศีรษะมีรายงานมาบ้างเล็กน้อย ซึ่งเป็นอะไรที่น่าแปลกสำหรับ sativa นี้ สายพันธุ์ที่มักไม่ทำให้เกิดอาการหวาดระแวงหรือวิตกกังวล อย่างไรก็ตาม จำเป็นต้องใช้อย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีความทนทานต่อ THC ต่ำหรือผู้ที่มีแนวโน้มจะมีปัญหาสุขภาพจิตอยู่แล้ว ทางที่ดีควรเริ่มที่พัฟเพียงครั้งเดียวและค่อย ๆ เพิ่มปริมาณ หากจำเป็น
Taste & Smell
แค่ได้เห็นดอกของ Stardawg เพียงครั้งเดียวก็ทำให้ทราบที่มาของชื่อได้ทันที พวกมันมีชั้นไตรโครมที่หนาแน่นและหนาอย่างไม่น่าเชื่อ ทำให้เกิดแสงแวววาวที่แทบจะบดบังตาเล็ก ๆ ที่มีรูปร่างคล้ายป๊อปคอร์น รสชาติและกลิ่นจะฉุนมาก ไม่ต้องสงสัยเลยว่าดึงดูดผู้สูบที่มีประสบการณ์เอามาก ๆ แต่อาจจะเข้มข้นเกินไปสำหรับมือใหม่ ทั้งรสชาติและกลิ่นจะเป็นน้ำมันดีเซลเป็นกลิ่นหลัก เสริมด้วยความสดชื่นของมะนาวและสนที่ยังคงอยู่บนเพดานปากหลังจากหายใจออก
หากคุณชื่นชอบรสชาติที่แปลกประหลาดนี้ ลอง Sour Diesel หรือไม่ก็ Jet Fuel
ต้นกำเนิด
Stardawg เกิดจากความพยายามในการสร้างสรรค์ของ Top Dawg Seeds ที่มีชื่อเสียง ซึ่งอุทิศแรงกายแรงใจให้กับการสร้างสรรค์ Chemdawg รูปแบบต่าง ๆ ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว การเดินทางของสายพันธุ์นี้เริ่มต้นจากการรวมตัวกันของลูกหลานของ Chemdog สองคน นั่นคือ Chemdawg 4 และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ของพวกเขา Tres Dawg ในจักรวาลกัญชาอันกว้างใหญ่ สายพันธุ์นี้เปล่งประกายราวกับดวงดาวอย่างแท้จริงพร้อมเอฟเฟกต์ที่ทรงพลังไม่เหมือนใคร และอาจเป็นสายพันธุ์ Dawg ที่มีชื่อเสียงที่สุดได้อย่างง่ายดายอีกด้วย
การเจริญเติบโต
Stardawg อาจเป็นพืชกัญชาจุกจิกอยู่สักหน่อย ดังนั้นจึงไม่แนะนำสำหรับผู้ปลูกมือใหม่ มีความต้านทานแมลงศัตรูพืชได้ดี แต่ก็มีความไวต่อการเปลี่ยนแปลงของความชื้น และยังสามารถถูกรบกวนจากโรคราน้ำค้างได้ง่าย จำเป็นต้องตัดแต่งกิ่งบ่อย ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโรคราน้ำค้าง เป็นสายพันธุ์ที่ปลูกในบ้านได้ดีที่สุด แต่จะต้องมีพื้นที่ เนื่องจาก Stardog สามารถสูงได้ถึง 2 เมตร
ช่วงเวลาออกดอกมักจะกินระยะเวลาราว ๆ 9 ถึง 11 สัปดาห์ มีรายงานข้อมูลเกี่ยวกับผลผลิต ตั้งแต่ 120 กรัม ไปจนถึง 400 กรัมต่อตารางเมตรในอาคาร เช่นเดียวกับการเพาะปลูกกลางแจ้ง ที่เริ่มตั้งแต่ 200 ถึง 500 กรัมต่อต้น