Alien OG
การบริโภคกัญชาอาจทำให้เกิดการเสพติดได้ และไม่แนะนำให้ผู้ที่เป็นโรคหรือมีอาการวิตกกังวลเกี่ยวกับการบริโภคกัญชา เนื้อหาบนหน้าเว็บไซต์นี้มีวัตถุประสงค์เพื่อใหห้ข้อมูลเท่านั้น มิใช่คำแนะนำทางการแพทย์ หากคุณต้องการที่จะบริโภคกัญชา เพื่อส่งเสริมสุขภาพของคุณ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ก่อนทุกครั้ง
Quick info
CBD
1%
THC
21%
Effects & Usage
Benefits
Alien OG (หรือเรียกอีกอย่างว่า Alien OG Kush) เป็นสายพันธุ์ลูกผสมยอระหว่าง OG Kush และ Alien Kush การถือกำเนิดของสายพันธุ์ใหม่นี้ ทำให้โลกของกัญชาเต็มไปด้วยความหวัง เพราะผลลัพธ์ที่แสนกับคนใจเสาะ อย่างไรก็ตาม หากใช้อย่างมีความรับผิดชอบ คุณจะได้รับประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมลงตัวทีเดียว พร้อมกับความสามารถในการช่วยกระตุ้นสมอง และช่วยให้ร่างกายผ่อนคลายได้อย่างมากมาย
อาการเริ่มต้น
ผลที่ได้จาก Alien OG เป็นเหมือนพลังพิเศษจากนอกโลก ที่ช่วยกระตุ้นสมองภายในชั่วขณะหลังการบริโภค ช่วยให้ความคิดของคุณโลดแล่น เต็มไปด้วยจินตนาการมากมาย มันสามารถมอบความรู้สึกแสนวิเศษ ราวกับว่ากำลังโบยบินอยู่บนฟากฟ้า ทำให้คุณเห็นทุกอย่างชัดเจนขึ้น และรับความรู้สึกได้ลึกซึ้งมากขึ้น จนอาจดูเหมือนว่าเวลาจะหยุดเดินไปชั่วคราว คุณจะประหลาดใจกับความลื่นไหลของงานเมื่อได้ลองใช้สายพันธุ์นี้ โดยเฉพาะงานที่ต้องการความคิดสร้างสรรค์และต้องอาศัยความพยายาม นอกจากนี้ ลักษณะเฉพาะของสายพันธุ์ยังทำให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลาย ที่ช่วยขจัดความรู้สึกไม่สบาย และความตึงเครียดให้หมดไป แม้ว่าการผ่อนคลายจะยอดเยี่ยม แต่ก็ไม่ได้ทำให้คุณไร้เรี่ยวแรง ซึ่งหมายความว่า คุณยังสามารถเพลิดเพลินกับกัญชาในสถานที่และกิจกรรมต่าง ๆ ได้อย่างเต็มที่ ด้วยความสามารถรอบด้านของ Alien OG จึงทำให้สายพันธุ์นี้ถือเป็นคู่หูที่ดี สำหรับการเพิ่มความสนุกสนานในหมู่เพื่อนฝูง
หากต้องการประสบการณ์ที่คล้ายกัน ลอง Gary Payton หรือ Gummy Bear
การใช้
Alien OG เป็นสายพันธุ์กัญชาที่ใช้เป็นตัวช่วยทางการแพทย์ได้เป็นอย่างดี เนื่องจากมีศักยภาพในการช่วยรักษาอาการป่วยในระยะยาวและช่วยรักษาโรคเรื้อรัง Alien OG ช่วยให้จิตใจและร่างกายผ่อนคลาย, ขจัดความตึงเครียดที่สะสม จากความสามารถของสารสำคัญอย่าง Limonene (ลิโมนีน) และ Myrcene (ไมร์ซีน) สายพันธุ์ดังกล่าวนี้ยังส่งผลดีต่อสภาวะทางสุขภาพจิตอื่น ๆ เช่น ภาวะซึมเศร้า, วิตกกังวล, สมาธิสั้น และแม้แต่อาการ PTSD หากมีการใช้ก่อนเวลาเข้านอนสัก 2-3 ชั่วโมง ก็สามารถช่วยให้ผู้ที่มีอาการนอนไม่หลับ ได้มีโอกาสหลับสบายและคลายความกังวลได้มากขึ้นกว่าเดิม
ผลข้างเคียง
Alien OG ไม่ค่อยมีผลข้างเคียงที่รุนแรง แม้ว่าจะมีประสิทธิภาพในการรักษาโรคที่สูงก็ตาม ผลข้างเคียงทั่วไปของ Alien OG ได้แก่ ตาแห้ง, คันตา และปากแห้ง แต่ปฏิกิริยา เช่น ความรู้สึกหวาดระแวง หรือเวียนศีรษะ เป็นสิ่งที่พบได้ไม่บ่อยนัก อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่ต้องจำไว้ก็คือ ดอกกัญชาที่มี THC สูงอาจทำให้เกิดอาการวิตกกังวลและหวาดระแวงได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ที่มีแนวโน้มที่จะเกิดภาวะอาการเหล่านี้ ดังนั้น ควรบริโภคอย่างระมัดระวัง และเริ่มต้นด้วยปริมาณน้อย ๆ ก่อน
Taste & Smell
สายพันธุ์นี้มีโครงสร้างของดอกที่กลมและมีสีเขียวอ่อน สลับกับเกสรตัวเมียสีแดงที่โดดเด่น และถูกปกคลุมไปด้วยไทรโครมที่ส่องประกายระยิบระยับ ราวกับดวงดาวบนท้องฟ้า
ผู้ที่คุ้นเคยกับกลิ่นของ OG Kush จะรับรู้กลิ่นของ Alien OG ได้ดี เพราะสายพันธุ์นี้มีกลิ่นของผลไม้ซิตรัส เสริมด้วยกลิ่นดินและไม้สน การผสมผสานนี้ทำให้ได้รสชาติที่นุ่มนวล ควันหนา และมีกลิ่นที่โดดเด่นจนยากที่จะแอบซ่อน
เมื่อพูดถึงรสชาติ ต้องบอกว่า ทั้งรสชาติและกลิ่นเข้ากันได้ดีอย่างสมดุล คุณจะรับรู้ได้ถึงรสชาติของไม้สนที่มีกลิ่นมะนาว ซึ่งกลายเป็นกลิ่นที่หอมหวานและนุ่มนวล พร้อม ๆ กับกลิ่นของเครื่องเทศและไม้
ต้นกำเนิด
ต้นกำเนิดของ Alien OG มาจากบริเวณอ่าวแคลิฟอร์เนีย โดยเชื่อว่า Alien OG เป็นลูกผสมระหว่าง Alien Kush และ Tahoe OG (ฟีโนไทป์ของ OG Kush) ซึ่งทำให้ Alien OG เป็นสายพันธุ์ที่ไม่เหมือนใคร และได้กลายเป็นหนึ่งในสายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในแคลิฟอร์เนีย โดยเฉพาะผู้ที่ชื่นชอบในผลลัพธ์ที่สมดุลแต่ทรงพลัง
หากคุณเป็นแฟนพันธุ์แท้ของสายพันธุ์ Cali ลองศึกษารายชื่อสายพันธุ์กัญชาอันดับต้น ๆ ของเรา เพื่อค้นหาข้อมูลที่คุณกำลังสนใจเพิ่มเติม
การเจริญเติบโต
การเพาะปลูก Alien OG จำเป็นต้องอาศัยการดูแลเอาใจใส่ และการทุ่มเทแรงกายแรงใจด้วยความรัก ทำให้สายพันธุ์นี้อาจถือเป็นสิ่งที่ท้าทายสำหรับผู้ปลูกมือใหม่ เนื่องจาก Alien OG มีความไวต่อระดับของอุณหภูมิและความชื้น อีกทั้งยังต้องการสภาพแวดล้อมที่ค่อนข้างคงที่ ที่อุณหภูมิประมาณ 20-25°C โดยมีความชื้นประมาณ 50% นอกจากนี้ สายพันธุ์นี้ยังค่อนข้างไวต่อเชื้อราและโรคราน้ำค้าง เนื่องจากมีโครงสร้างของลำต้นที่เตี้ยและเป็นพุ่ม ทำให้จำเป็นต้องมีการตัดแต่งด้านบนเป็นประจำ เพื่อให้ส่วนล่างของลำต้นสามารถรับแสงและออกซิเจนได้อย่างเพียงพอ อย่างไรก็ตาม ปัญหาเหล่านี้ชดเชยได้ด้วยระยะเวลาการออกดอกที่ค่อนข้างสั้น เพียง 8-9 สัปดาห์ สามารถคาดหวังผลผลิตได้ที่ 300 กรัมต่อตารางเมตร หากปลูกในที่ร่ม และ 350 กรัมต่อต้น หากปลูกกลางแจ้ง