Cannabis, Ganja, Pot, Weed, Marijuana หรือกัญชา – ถึงแม้ชื่อจะแตกต่างกัน แต่นี่คือพืชชนิดเดียวกัน ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นพืชถูกกฎหมายในประเทศไทย ที่หลายคนเลือกบริโภคกัญชาเพื่อการสันทนาการ แต่อีกจำนวนไม่น้อยที่เลือกใช้พืชชนิดนี้เพื่อรักษาโรค และบรรเทาอาการเจ็บป่วยต่าง ๆ ภายใต้การดูแลของแพทย์ แต่ไม่ว่าจะใช้ในกรณีใด ๆ ก็ตาม สิ่งสำคัญคือจำเป็นต้องตระหนักถึงผลข้างเคียงของกัญชาด้วย
กัญชา มีสารประกอบหลายชนิดที่เรียกว่า แคนนาบินอยด์ (Cannabinoids) ซึ่งมีผลต่อร่างกายและจิตใจ ซึ่งจะมีสารแค่ 2 ชนิดเท่านั้นที่เราสนใจ ได้แก่ THC (Tetrahydrocannabinol) และ CBD (Cannabidiol)
THC เป็นสารประกอบที่ออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท เมื่อเสพสารตัวนี้เข้าไป จะทำให้คุณหัวเราะ, ซึมเศร้า, ร้องไห้, กินจุ หรือสนุกสุดเหวี่ยง ส่วนสาร CBD เป็นขั้วตรงข้ามของ THC เพราะมันไม่ได้ทำให้คุณมึนเมาหรือมึนงง แต่กลับมอบสิ่งดี ๆ ให้แทน
เมื่อคุณเสพหรือกินกัญชา สาร THC จะเข้าสู่กระแสเลือดและเคลื่อนที่ไปยังสมองและส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย โดยจะออกฤทธิ์แบบพุ่งเป้าไปยังตัวรับที่เฉพาะเจาะจง จนทำให้คุณรู้สึกมึนเมา และเนื่องจากสมองมีตัวรับเหล่านี้ การบริโภคกัญชาจึงมีผลต่อสมองพร้อม ๆ ไปกับผลกระทบตามที่จะกล่าวถึงด้านล่างนี้
ทันทีหลังจากสูบกัญชา คุณจะรู้สึกถึงผลกระทบบางอย่าง (หรือทั้งหมด) ดังต่อไปนี้:
เป็นที่น่าสังเกตว่าผลกระทบและความรุนแรงเหล่านี้จะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ เช่น อายุ, ค่าดัชนีมวลกาย, ความอดทน ประสบการณ์กับยาอื่น ๆ ตัวอย่างเช่น ผู้ที่เพิ่งเริ่มใช้ อาจเกิดความหวาดระแวงสูง ในขณะที่ผู้ใช้ที่มีประสบการณ์จะสามารถรับมือกับอาการนี้ได้ดี
ผลที่ได้เหล่านี้จะจางหายไปเองตามกาลเวลา ทั่วไปแล้วจะใช้เวลา ภายใน 2-3 ชั่วโมงหลังจากสูบ อย่างไรก็ตาม หากคุณรับประทานอาหารเข้าไป ผลกระทบอาจคงอยู่ได้นานถึง 8 ชั่วโมง
หมายเหตุ: การสูบบุหรี่และการทานอาหารกัญชาจะเกิดประสบการณ์ที่แตกต่างกัน อาหารกัญชาต้องใช้เวลาในการกิน และเนื่องจากพวกมันถูกกินเข้าไป จะถูกย่อยในกระเพาะ และถูกเผาผลาญโดยตับ จากนั้น THC จะเข้าไปสู่ในกระแสเลือดและสมอง เป็นผลให้มันอยู่ในร่างกายได้เป็นเวลานาน
เห็นได้ชัดว่าวิธีที่คุณบริโภคกัญชานั้นสร้างความแตกต่างอย่างมาก ในเรื่องนี้ น้ำมันกัญชาถือเป็นทางเลือกที่ดีเยี่ยมในการหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงหลายอย่างที่กล่าวถึงข้างต้น เนื่องจากไม่มีสาร THC และไม่ออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท
ผลกระทบระยะยาวของกัญชาเป็นสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์ยังคงค้นคว้าอยู่ แต่ก็สามารถพูดอย่างกว้าง ๆ ได้ว่าต้องใช้เวลาในการพัฒนาและเกิดขึ้นหลังจากการใช้กัญชาเป็นประจำ เป็นเวลาหลายวัน สัปดาห์ เดือน หรือกระทั่งหลายปีเท่านั้น
กล่าวโดยสรุปคือ หากคุณสูบกัญชาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน คุณอาจประสบกับ:
ผลกระทบด้านลบของกัญชาที่มีความเข้มข้นมาก อาจส่งผลต่อการใช้ในระยะยาว บางส่วนจะกล่าวถึงด้านล่าง
สมองของมนุษย์พัฒนาต่อเนื่องจนถึงอายุ 25 ปี ดังนั้น การใช้กัญชาในช่วงที่สมองยังคงพัฒนา จึงอาจส่งผลต่อสติปัญญา และมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างสมอง ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจ, ความจำ, สมาธิ, พฤติกรรม และการแก้ปัญหา ที่อาจได้รับผลกระทบจากการใช้กัญชาอย่างเรื้อรังตั้งแต่ช่วงวัยรุ่น
ผู้ที่ทุกข์ทรมานจากความผิดปกติทางจิตและโรคทางจิตเวช อาจพบว่ามีอาการแย่ลงเพราะกัญชา อย่างไรก็ตาม ไม่ได้หมายความว่าการสูบกัญชาจะทำให้คุณเป็นโรคจิตเภท หรือทำให้คุณเสี่ยงต่อการเป็นโรคจิตเวช
อีกนัยหนึ่งก็คือ หากคุณมีประวัติอาการป่วยทางจิต คุณควรหลีกเลี่ยงการบริโภคกัญชา เนื่องจากอาจทำให้เกิดอาการแย่ลงได้ แต่ท้ายที่สุดแล้ว เป็นที่ทราบกันดีว่า กัญชาอาจทำให้คุณหวาดระแวง, วิตกกังวล และหวาดกลัว ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่ดีเท่าไหร่นัก
ผลกระทบอีกหนึ่งอย่างของกัญชา คือ การทำให้หัวใจสูบฉีดเลือดเร็วขึ้น ซึ่งมีผลให้การเต้นของหัวใจเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
สิ่งนี้อาจดูไม่เป็นปัญหาสำหรับผู้ใช้กัญชาที่มีสุขภาพแข็งแรง แต่หากคุณมีความเสี่ยงเกี่ยวกับโรคหัวใจหรือหลอดเลือดอยู่แล้วโอกาสที่คุณจะหัวใจวายก็มีค่อนข้างสูง โดยเฉพาะช่วง 1 ชั่วโมงหลังสูบกัญชา
การสูบกัญชาหรือบุหรี่ถือเป็นอันตรายต่อสุขภาพ เพราะจะทำให้ร่างกายได้รับสารก่อมะเร็ง ซึ่งอาจทำให้ปอดระคายเคือง และหายใจลำบาก
สิ่งนี้ทำให้เกิดภาวะต่าง ๆ เช่น หลอดลมอักเสบเรื้อรัง, ไอเรื้อรังและมีเสมหะ หรือมีการติดเชื้อในปอด ซึ่งกลายเป็นเรื่องสำคัญสำหรับคนที่เสพต่อเนื่อง
ผู้คนจำนวนมากยังคงเชื่อว่า กัญชาเป็นสิ่งไม่ดี แต่ความจริงแล้ว กัญชาสามารถพัฒนาชีวิตของเราได้หากบริโภคอย่างมีความรับผิดชอบ CBD เป็นสารประกอบในพืชกัญชา ที่มีประโยชน์ในการรักษามากมาย ตั้งแต่การบรรเทาอาการปวดและต้านการอักเสบ ไปจนถึงการแก้ปัญหานอนไม่หลับ, ดับความเครียดในจิตใจ และรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งหรือโรคลมบ้าหมู
ดังนั้น การตระหนักถึงผลข้างเคียง สามารถช่วยให้ผู้คนใช้กัญชาอย่างมีความรับผิดชอบมากขึ้นได้ และเป็นสิ่งที่เยาวชนและวัยรุ่นควรหลีกเลี่ยง ในขณะเดียวกัน ผู้ที่ต้องการใช้กัญชาเพื่อดูแลสุขภาพ ควรต้องได้รับการปรึกษาจากแพทย์ก่อน
