CBD สำหรับผู้ป่วยโรคลมชัก: Cannabidiol ช่วยแก้อาการชักได้อย่างไร
Table of Contents
โรคลมชัก เป็นหนึ่งในโรคทางสมองที่น่ากลัว และมีผลทำให้เกิดอาการชักอย่างต่อเนื่อง โรคนี้พบได้ประมาณ 1% ของคนไทยทั้งประเทศ หรือคิดเป็นผู้ป่วยประมาณ 700,000 คน ที่ต้องต่อสู้กับอาการที่ว่านี้
ในบรรดาวิธีการรักษาโรคลมชักทั้งหมดที่เป็นไปได้ มีการใช้ CBD ปรากฏขึ้นในฐานะของวิธีการทางธรรมชาติ ที่จะช่วยบรรเทาอาการที่ว่านี้ได้
Cannabidiol (CBD) เป็นสารประกอบธรรมชาติที่สกัดมาจากต้นกัญชา และมีส่วนช่วยลดอาการชักได้ โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาแบบเดิม ในคู่มือนี้ เราจะศึกษาประโยชน์ของ CBD ที่มีผลต่อโรคลมชัก และเจาะลึกงานวิจัยที่สนับสนุนการใช้สารดังกล่าว
CBD ที่มีผลต่อโรคลมชัก
CBD หรือ Cannabidiol เป็นสารประกอบตามธรรมชาติที่พบในกัญชา เป็นหนึ่งในสารแคนนาบินอยด์ที่พบในพืช แต่สารตัวนี้มีความพิเศษกว่าสารแคนนาบินอยด์ทั่วไป เนื่องจากมีประโยชน์ต่อสุขภาพ
CBD เป็นสารจากธรรมชาติที่ผู้คนมักจะสับสนกับสาร Cannabinoid อีกตัวหนึ่ง ที่รู้จักกันดีในชื่อว่า THC หรือ Tetrahydrocannabinol
อย่างไรก็ตาม สารทั้งสองชนิดนี้ยังมีความแตกต่างกันอยู่มาก เพราะ THC เป็นส่วนหนึ่งของกัญชาที่จะทำให้คุณ ‘เมา’ แต่ CBD ไม่มีผลต่อจิตประสาท นั่นหมายความว่า การได้รับ CBD จะไม่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อสภาพจิตใจหรือนำไปสู่ภาวะ “มึนเมา” ใด ๆ ทั้งสิ้น
CBD มีประโยชน์มากมายสำหรับการใช้กัญชาทางการแพทย์ ในความเป็นจริง เมื่อกัญชาทางการแพทย์ได้รับการรับรองในประเทศไทยในปี 2019 ผลิตภัณฑ์ที่มีสาร CBD สูง ถูกแนะนำเพื่อใช้สำหรับการรักษาผู้ป่วยโรคลมชักที่มีอาการหนัก และมีงานวิจัยรองรับมากมายทั้งในไทยและต่างประเทศ ที่ต่างสนับสนุนคุณสมบัติของ CBD ที่มีผลต่อการแก้ปัญหาอาการชัก
หลักฐานทางวิทยาศาสตร์
CBD มีปฏิกิริยาต่อร่างกายผ่านระบบเอนโดแคนนาบินอยด์ ซึ่งระบบที่ว่านี้ทำงานคล้าย ๆ กับห้องควบคุมการเปลี่ยนแปลงภายในร่างกายของเรา ไม่ว่าจะเป็น อารมณ์, การนอนหลับ, ความหิว และแม้กระทั่งการทำงานของระบบประสาท
CBD แตกต่างจาก THC ตรงที่ไม่ยึดติดกับตัวรับ ECS (ที่เรียกว่าตัวรับ CB1 และ CB2) แต่ดูเหมือนจะส่งผลต่อส่วนอื่น ๆ และช่วยควบคุมระดับของสารเคมีบางอย่างในเส้นประสาทของเรา โดยมี Voltage-gated sodium channel (Nav) เป็นเหมือนประตูเปิด-ปิดส่วนนี้
เมื่อประตูมีปัญหาหรือเกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง อาจทำให้เกิดปัญหาโรคลมชักบางชนิดได้ แต่ CBD จะทำหน้าที่ปิดกั้นช่องทางเหล่านี้ ซึ่งส่งผลให้ระบบประสาทของเราสงบลง และลดอาการชักได้
- ในปี 2017 มีการศึกษาครั้งใหญ่โดย The New England Journal of Medicine พบว่า CBD ช่วยลดอาการชักใน Dravet syndrome ของผู้ป่วยให้น้อยลง โดยอาการที่ว่านี้ถือเป็นหนึ่งในโรคลมชักที่ร้ายแรงมาก ในทำนองเดียวกัน การศึกษาบางชิ้นอ้างว่า CBD สามารถลดความถี่ และลดความรุนแรงของอาการชักได้
- สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (US FDA) ได้อนุมัติใช้ Epidiolex ที่มีส่วนประกอบของ CBD สำหรับการเป็นยารับประทาน ซึ่งคิดค้นขึ้นเพื่อจัดการกับโรคลมชัก 2 รูปแบบ ที่เกิดยากและมีอาการรุนแรงโดยเฉพาะ ได้แก่ กลุ่มอาการ Dravet และกลุ่มอาการ Lennox-Gastaut
การทดลองทางคลินิกแสดงให้เห็นว่า Epidiolex สามารถลดความถี่ของอาการชักลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสร้างความหวังให้แก่ผู้ป่วยโรคนี้ ว่าจะช่วยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น - การศึกษาในปี 2021 ที่ตีพิมพ์ใน Epilepsy & Behavior Journal ระบุว่า CBD อาจช่วยลดผลกระทบด้านลบของยาต้านอาการชัก และช่วยปรับปรุงสุขภาพในด้านต่าง ๆ รวมถึงความเป็นอยู่โดยรวมของผู้ป่วยได้
- มูลนิธิโรคลมชักแห่งสหรัฐอเมริกา ระบุว่า สายพันธุ์กัญชาที่มี CBD สูง และผลิตภัณฑ์ที่อุดมด้วยสาร CBD สามารถลดอาการชักในผู้ป่วยบางรายที่มีอาการชักแบบไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ นอกจากนี้ ยังกล่าวว่าสาร Cannabidiol ถือเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับผู้ป่วยโรคลมชักที่ดื้อยา และเรียกร้องให้มีการวิจัยและการศึกษาเรื่องนี้เพิ่มเติม
โดยในจดหมายที่ทางมูลนิธิโรคลมชักส่งถึง US FDA ได้มีการแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า CBD สามารถปรับปรุงคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยโรคลมชักได้อย่างไร
แนวโน้มการเติบโตในประเทศไทย
นักวิจัยไทยได้กล่าวถึงผลการวิจัยเชิงบวกเกี่ยวกับประสิทธิภาพของสาร CBD ที่เข้ามาช่วยจัดการกับโรคลมชัก ไว้ดังต่อไปนี้
- สมาคมโรคลมชักแห่งประเทศไทย ได้ตั้งข้อสังเกตว่า สาร Cannabidiol บริสุทธิ์ เป็นหนึ่งในการใช้กัญชาทางการแพทย์ ที่จะเข้ามาช่วยลดความรุนแรงของอาการชักได้
สมาคมประสาทวิทยาแห่งประเทศไทย (NST) ได้ตั้งข้อสังเกตในลักษณะเดียวกันว่า ควรนำกัญชามาใช้ทางการแพทย์ และรักษาโรคลมชัก - องค์การเภสัชกรรม (GPO) ภายใต้สังกัดของกระทรวงสาธารณสุข ตั้งข้อสังเกตว่า ผลิตภัณฑ์กัญชาทางการแพทย์ที่เสริม CBD จะช่วยรักษาโรคลมชักที่รักษายากในเด็กได้
CBD กับ โรคลมชัก: ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์แบบไหนดี?
เมื่อต้องเลือกผลิตภัณฑ์ CBD สำหรับโรคลมชัก การเลือกใช้ระหว่างน้ำมัน CBD คุณภาพสูง หรือผลิตภัณฑ์ยาน้ำรับประทานอันไหนดีกว่ากัน การตวงยาอาจทำได้ง่ายกว่าการใช้ทิงเจอร์ และยังออกฤทธิ์ได้เร็วกว่าเมื่อเทียบกับตัวเลือกอื่น ๆ เช่น กัมมี่และผลิตภัณฑ์อาหารผสม CBD ทั้งนี้ ไม่แนะนำให้ใช้ช่อดอก เนื่องจากเป็นลักษณะการบริโภคที่ไม่ถูกต้อง และกำหนดขนาดของยาไม่ได้ คุณสามารถเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับน้ำมัน CBD เพื่อประกอบการตัดสินใจได้
คุณสามารถค้นหารายการน้ำมันกัญชาที่มีชื่อเสียงและคุณภาพสูงในประเทศไทยได้ที่นี่ หรือเลือกใช้น้ำมันกัญชา GPO แต่ทั้งนี้ ควรได้รับคำปรึกษาจากแพทย์ก่อนใช้ เพื่อคำแนะนำที่ดีที่สุด
วิธีการเลือกน้ำมัน CBD ที่มีผลบรรเทาอาการชัก
การเลือกน้ำมัน CBD คุณภาพสูง สำหรับบรรเทาอาการชัก มีปัจจัยสำคัญที่เกี่ยวข้องหลายประการ
- คำแนะนำปริมาณการใช้: มองหาผลิตภัณฑ์ที่ระบุคู่มือการใช้ CBD ที่ชัดเจน โดยปริมาณของ CBD ที่คุณควรได้รับ อาจแตกต่างกันไปตามปัจจัยต่าง ๆ เช่น น้ำหนักตัว และความรุนแรงของโรค
รวมถึงยี่ห้อที่ให้คำแนะนำชัดเจนเกี่ยวกับปริมาณที่ควรรับประทาน จะช่วยให้คุณใช้ผลิตภัณฑ์ได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
- ประสิทธิภาพและคุณภาพ: มองหาผลิตภัณฑ์ที่เป็นกลุ่ม Full Spectrum Cannabinoids และผ่านการทดสอบจากห้องปฏิบัติการจากบุคคลภายนอก การทดสอบเหล่านี้จะช่วยยืนยันได้ว่า น้ำมันมีปริมาณ CBD ตรงตามการกล่าวอ้างว่าหรือไม่ และปราศจากสารอันตราย เช่น ยาฆ่าแมลงหรือโลหะหนักจริงหรือไม่
- ชื่อเสียงของแบรนด์: การศึกษาชื่อเสียงของแบรนด์, ตรวจสอบรีวิวและการให้คะแนนของลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญ เพราะแบรนด์ที่มีชื่อเสียงดี มักจะผลิตสินค้าคุณภาพสูงและเชื่อถือได้มากกว่า
- แหล่งที่มาของกัญชง: พิจารณาแหล่งปลูกกัญชงที่นำมาใช้สกัดสาร CBD เนื่องจากพืชเหล่านี้จะดูดซับสารจากสิ่งแวดล้อม ดังนั้น จึงควรเลือกน้ำมัน CBD ที่ปลูกในสภาวะแวดล้อมที่ปลอดภัย และได้รับการควบคุม ทั้งนี้ CBD ที่สกัดได้จากพืชกัญชงอินทรีย์ ถือเป็นตัวเลือกทางการแพทย์ที่ดีมากกว่า
- วิธีการสกัด : ควรให้ความสนใจในวิธีการสกัดสาร CBD จากต้นกัญชงด้วย
วิธีการสกัดสาร CBD ด้วย CO2 ถือเป็นวิธีที่ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพมากที่สุด เนื่องจากวิธีนี้จะช่วยรักษาความบริสุทธิ์ของ CBD และสามารถกำจัดสารประกอบที่ไม่ต้องการออกไปได้
- ปริมาณ THC: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าน้ำมัน CBD มีปริมาณ THC ไม่เกิน 0.2% เนื่องจากระดับของ THC ที่สูงขึ้น อาจทำให้เกิดผลกระทบต่อจิตประสาท
วิธีใช้น้ำมัน CBD สำหรับโรคลมชัก
อย่างที่คุณได้ทราบจากบทความนี้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของน้ำมัน CBD และอาการชัก สาร Cannabidiol จะเกิดปฏิกิริยากับระบบทางสรีรวิทยาที่พบทั่วไปในร่างกาย (ECS) ช่วยยับยั้งสัญญาณประสาทที่ทำงานมากเกินปกติ ที่เป็นต้นเหตุของการเกิดโรคลมชักได้
นี่คือคำแนะนำทีละขั้นตอนสำหรับการใช้ CBD เพื่อรักษาอาการลมชัก:
- ปรึกษาแพทย์: ก่อนเริ่มทำการรักษา ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญให้คำแนะนำตามปัญหาสุขภาพส่วนบุคคล และนำไปสู่แนวทางการรักษาด้วยยาที่เหมาะสมกับแต่ละคน
- เริ่มด้วยปริมาณที่น้อย: การใช้น้ำมัน CBD ควรเริ่มต้นด้วยปริมาณน้อย และค่อย ๆ เพิ่มขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปในกรณีที่จำเป็น สิ่งนี้จะช่วยให้ร่างกายของคุณค่อย ๆ ปรับตัว และช่วยให้คุณเห็นผลลัพธ์ของน้ำมัน CBD ว่ามีผลกับคุณอย่างไร ทั้งนี้ ปริมาณการใช้จะแตกต่างกันไปตามความสามารถในการเผาผลาญ และพันธุกรรม
ตัวอย่างเช่น ในกรณีของ Epidiolex ปริมาณเริ่มต้นที่แนะนำโดยทั่วไป คือ 2.5 มก./กก. ต่อวัน ซึ่งจะปรับเปลี่ยนตามผลการตอบสนอง และความสามารถในการทนทานต่อยาของแต่ละคน ในขณะที่ การศึกษาบางชิ้นเริ่มเห็นผลในเชิงบวกเมื่อใช้ยา ตั้งแต่ 10 – 20 มก./กก. ต่อวัน - ใช้อย่างสม่ำเสมอ: ตรวจสอบให้แน่ใจว่า การใช้น้ำมัน CBD เป็นไปอย่างสม่ำเสมอ, ใช้ในเวลาเดียวกันของทุกวัน เพื่อรักษาปริมาณ CBD ในระบบร่างกายให้คงที่
- ดูผลการตอบสนอง: ติดตามอาการ และการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ซึ่งรวมถึงความถี่หรือความรุนแรงของอาการชัก สิ่งนี้สามารถช่วยให้คุณและแพทย์ของคุณเห็นว่า น้ำมัน CBD ทำงานได้ดีเพียงใด
การใช้ CBD สำหรับรักษาอาการชักอาจไม่ใช่เรื่องง่าย หรือไม่ใช่การใช้งานที่ตรงไปตรงมา อย่างที่เราพูดใน Weed Review การเสพกัญชาเป็นการใช้เพื่อสุขภาพส่วนบุคคล และทุกคนตอบสนองต่อพืชชนิดนี้แตกต่างกัน บางคนอาจต้องการในปริมาณมาก ในขณะที่บางคนอาจต้องการในปริมาณน้อย และบางคนก็อาจต้องการผลิตภัณฑ์ในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป
อาการไม่พึงประสงค์
ในขณะที่ CBD ได้แสดงให้เห็นถึงประโยชน์ในการจัดการกับโรคลมชักที่อาจเกิดขึ้นได้ สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งที่ต้องตระหนัก ก็คือ ผลข้างเคียงจากการใช้กัญชา และปฏิกิริยาระหว่างยา ผลข้างเคียงทั่วไปของการใช้ CBD ได้แก่
- รู้สึกเหนื่อยล้า
- ง่วงนอน
- ปากแห้ง
- ความอยากอาหารเปลี่ยนไป
- ปวดท้อง / ท้องเสีย
- เกิดปัญหาเกี่ยวกับตับ
ผลข้างเคียงเหล่านี้มักเป็นสิ่งที่ทนได้, สามารถจัดการได้ และไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกคน
CBD ยังสามารถเกิดปฏิกิริยากับยาต้านอาการชักบางชนิด ซึ่งอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพ หรือนำไปสู่ผลข้างเคียงที่เพิ่มขึ้น ยกตัวอย่างเช่น brivaracetam, clobazam, eslicarbazepine, stiripentol, rufinamide, topirimate, valproic acid และ zonisamide
สิ่งสำคัญคือ การใช้ CBD ต้องได้รับการดูแลจากแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านโรคลมชักอย่างใกล้ชิด เพื่อคอยติดตามปฏิกิริยาที่อาจเกิดขึ้น และปรับขนาดของยาตามความจำเป็น การพบแพทย์และตรวจร่างกายอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยทำให้แน่ใจว่า การใช้ CBD เป็นไปอย่างปลอดภัย และมีประสิทธิภาพในการจัดการกับโรคลมชักได้ดี
บทสรุป
มีหลักฐานที่บ่งชี้ว่า CBD สามารถช่วยรักษาโรคลมชักได้ หากคุณหรือคนที่คุณรักเป็นโรคลมชัก การใช้น้ำมัน CBD ถือเป็นหนึ่งในสิ่งที่ควรพิจารณา
ทั้งนี้ ยังจำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติม เพื่อเปิดเผยข้อมูลเชิงลึกอย่างละเอียดว่าน้ำมัน CBD มีปฏิกิริยาอย่างไรกับร่างกายของเรา ใครบ้างที่จะได้รับประโยชน์สูงสุด และควรใช้น้ำมันตัวนี้อย่างไรเพื่อจัดการกับอาการชักได้ดีที่สุด และสิ่งสุดท้าย ก็คือ ควรจะต้องปรึกษาแพทย์ก่อนการรักษาด้วยวิธีนี้เสมอ
ด้วยคำแนะนำทั้งหมด และศักยภาพของ CBD เราหวังว่ามันจะถูกนำมาใช้เพื่อรักษาอาการชักที่ดีขึ้นในอนาคตต่อไปอ