Tahoe OG Kush
การบริโภคกัญชาอาจทำให้เกิดการเสพติดได้ และไม่แนะนำให้ผู้ที่เป็นโรคหรือมีอาการวิตกกังวลเกี่ยวกับการบริโภคกัญชา เนื้อหาบนหน้าเว็บไซต์นี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น มิใช่คำแนะนำทางการแพทย์ หากคุณต้องการที่จะบริโภคกัญชา เพื่อส่งเสริมสุขภาพของคุณ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ก่อนทุกครั้ง
Quick info
CBD
1%
THC
19%
Effects & Usage
Benefits
Tahoe OG Kush (เรียกอีกอย่างว่า Tahoe OG) เป็นฟีโนไทป์ของ OG Kush ที่มีระดับ THC ระหว่าง 18-22% ผลจากลูกผสมที่สมดุลนี้ มักจะมีแนวโน้มที่จะเป็นลักษณะของ indica มากกว่า โดยมันจะทำให้ร่างกายของคุณอยู่ในสภาวะที่ผ่อนคลายทั้งตัว รู้สึกไม่อยากทำอะไร และมาพร้อมกับคลื่นของความสุขที่อ่อนโยน
อาการเริ่มต้น
Tahoe OG Kush ไม่เหมาะกับคนใจเสาะ เนื่องจากระดับ THC ที่สูง ทำให้สร้างผลกระทบที่มากมาย ทั้งมือใหม่และผู้มีประสบการณ์แล้ว ก็ควรใช้ด้วยความระมัดระวังหากต้องการใช้สายพันธุ์นี้ เนื่องจากการใช้เพียงเล็กน้อยก็สามารถไปได้ไกลแล้ว
ผลกระทบของ Tahoe OG เป็นแบบอินดิกา แม้ว่าจะเป็นลูกผสมที่สมดุลเท่ากันก็ตาม มันจะให้ผลอย่างรวดเร็ว คุณจะรู้สึกเหมือนห่อตัวเองด้วยผ้าห่มอุ่น ๆ นุ่ม ๆ ในวันที่ฝนตก จะสังเกตเห็นคลื่นแห่งความสุขอันอบอุ่นและการยกระดับจิตใจ ขจัดความกังวล รวมถึงความเครียดทั้งหมดของคุณออกไป หลังจากนั้นไม่นาน ประสบการณ์ดังกล่าวจะพัฒนาไปสู่สภาวะแห่งการผ่อนคลายอย่างสมบูรณ์ ซึ่งเป็นหนึ่งในประสบการณ์ที่ดีที่สุด คลื่นที่ผ่อนคลายจะครอบคลุมทั่วร่างกาย อาจรู้สึกชาจนเจ็บปวดและตึงเครียด อย่าวางแผนที่จะทำอะไรมากเกินไปหากจะบริโภคสายพันธุ์นี้ ด้วยคุณสมบัติที่ให้ความเงียบสงบ จะทำให้คุณนอนติดที่โซฟาได้อย่างรวดเร็วและไม่สามารถทำอะไรได้เลย ดังนั้น Tahoe OG จะเหมาะที่สุด หลังจากเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน และคุณต้องการผ่อนคลาย
หากคุณต้องการประสบการณ์ที่ยกระดับและผ่อนคลายที่คล้ายกัน ลองดูที่ GSC หรือ Bubble Gum
การใช้
ด้วยความหลากหลายของ Tahoe OG Kush เหมาะกับผู้ที่สามารถรับมือกับเงื่อนไขต่าง ๆ ได้ คุณสมบัติในการแก้ปวดและต้านการอักเสบ ได้จาก Caryophyllene และ CBG ทำให้เป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการปวดเรื้อรัง, ไมเกรน, กล้ามเนื้อกระตุก และแม้แต่ปวดประจำเดือน สายพันธุ์นี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้ร่างกายผ่อนคลายได้เท่านั้น แต่ยังมีประโยชน์ต่อจิตใจในระดับที่พอ ๆ กันอีกด้วย
นอกจากนี้ ยังมีประสิทธิภาพในการลดความกระสับกระส่าย และช่วยให้ผู้ที่นอนไม่หลับ สามารถนอนหลับได้ลึกและสงบมากขึ้น นับเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับใครก็ตามที่มีปัญหากับผลกระทบจากความเครียด ด้วย Limonene (ลิโมนีน) ที่ยกระดับอารมณ์ ทำให้ Tahoe OG Kush ช่วยบรรเทาอาการซึมเศร้าและวิตกกังวลได้ในแบบชั่วคราว
ผลข้างเคียง
อาการที่ไม่พึงประสงค์จาก Tahoe OG Kush นั้นไม่รุนแรง จะมีก็แต่อาการปากแห้ง, ตาแห้ง และมีอาการวิงเวียนศีรษะเป็นบางครั้ง อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้ควรใช้ความระมัดระวังเมื่อบริโภคสายพันธุ์นี้เนื่องจากความแรงของมัน ในบางรายที่มีความอ่อนไหวต่อสารกัญชา อาจเกิดความหวาดระแวงและวิตกกังวลได้ ดังนั้น มือใหม่ควรเริ่มต้นด้วยปริมาณที่น้อยและค่อย ๆ เพิ่ม หากมีความจำเป็น
Taste & Smell
Tahoe OG Kush มีลักษณะคล้ายกับดอก THC ทั่วไป ซึ่งมีลักษณะเป็นดอกตูมสีเขียวนีออนขนาดใหญ่และหนาแน่น ถูกปกคลุมด้วยไตรโครมและขนสีส้มสดใส
สิ่งที่ทำให้สายพันธุ์นี้มีเปล่งประกายจริง ๆ ก็คือ กลิ่นและรสชาติที่ซับซ้อน โดยจะรู้สึกได้ถึงกลิ่นเลมอนเข้มข้นผสมกับกลิ่นสน เติมเต็มด้วยความเผ็ดร้อนราวกับเชื้อเพลิง กลิ่นหอมเหล่านี้สะท้อนให้เห็นในรสชาติของดอกตูมที่มีกลิ่นส้มอันน่ารื่นรมย์เมื่อสูดเข้าไป และกลิ่นดีเซลเคมีเมื่อหายใจออก กลิ่นควันเป็นกลิ่นที่นุ่มนวลและหอมแรงมาก ซึ่งมักจะติดค้างในลำคอเป็นเวลานาน
Tahoe OG นับเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับทุกคนที่ชื่นชอบรสชาติทั่วไปของกัญชาที่ไม่ได้มีกลิ่นที่ออกหวาน ทั้งนี้ สามารถเรียกดูสายพันธุ์กัญชาที่หลากหลายของเรา เพื่อค้นหาสายพันธุ์อื่น ๆ เช่นนี้ได้ที่นี่
ต้นกำเนิด
Tahoe OG Kush ตั้งชื่อตามทะเลสาบ Tahoe ที่น่าทึ่งในเทือกเขาแคลิฟอร์เนีย เป็นสายพันธุ์ OG Kush ที่มีชื่อเสียง เชื่อกันว่าเป็นลูกผสมระหว่าง OG Kush แบบคลาสสิกกับฟีโนไทป์ที่คัดเลือกมาอย่างดีของ San Fernando Valley (SFV) OG Kush ผลลัพธ์จากการผสมข้ามสายพันธุ์ของ Ganja Guru คือลูกผสมระดับท็อปสุดที่มีความสมดุลและสง่างามด้วยสายเลือดที่อุดมสมบูรณ์
การเจริญเติบโต
การเพาะปลูกของ Tahoe OG ดูเหมือนจะเป็นเรื่องยุ่งยากเล็กน้อย ซึ่งดีที่สุดสำหรับผู้ปลูกที่มีประสบการณ์แล้ว เนื่องจากจะต้องมีการตัดแต่งกิ่งบ่อย การใช้ปุ๋ยที่ประสิทธิภาพอย่างเหมาะสม และระมัดระวัง แต่สายพันธุ์นี้ก็ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าทนต่อโรคพืชที่พบได้บ่อยที่สุด ดังนั้นจึงควรจัดสภาพแวดล้อมเพื่อการเจริญเติบโตได้อย่างเหมาะสม
สายพันธุ์นี้มีความบอบบาง ดังนั้น ควรปลูกในที่ร่มจะดีที่สุด ต้นไม้ชนิดนี้มีแนวโน้มที่จะแตกยอดได้สูงและแตกกิ่งก้านสาขาออกไปอย่างกว้างขวาง ดังนั้นผู้ปลูกต้องมั่นใจว่ามีพื้นที่เพียงพอต่อการเติบโต
ดอกตูมจะพร้อมสำหรับการเก็บเกี่ยวก็ราว ๆ 8-10 สัปดาห์ โดยให้ผลผลิตประมาณ 300 กรัม ต่อตารางเมตร ในที่ร่ม และ 300 กรัม ต่อต้น เมื่อปลูกกลางแจ้ง