Ghost Train Haze
การบริโภคกัญชาอาจทำให้เกิดการเสพติดได้ และไม่แนะนำให้ผู้ที่เป็นโรคหรือมีอาการวิตกกังวลเกี่ยวกับการบริโภคกัญชา เนื้อหาบนหน้าเว็บไซต์นี้มีวัตถุประสงค์เพื่อใหห้ข้อมูลเท่านั้น มิใช่คำแนะนำทางการแพทย์ หากคุณต้องการที่จะบริโภคกัญชา เพื่อส่งเสริมสุขภาพของคุณ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ก่อนทุกครั้ง
Quick info
CBD
1%
THC
25%
Sativa
Indica
Effects & Usage
มีพลัง
หัวเราะคิกคัก
มีความคิดBenefits
Ghost Train Haze เป็นขุมพลังที่โดดเด่นของ Sativa ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งจนกลายเป็นสายพันธุ์ระดับตำนานด้วยสรรพคุณของตัวมันเอง การผสมผสานที่ยอดเยี่ยมของ Ghost OG และ Nevil’s Wreck มีระดับ THC ที่น่าอัศจรรย์ โดยสูงถึง 28% โดยประมาณ มอบประสบการณ์ที่สดชื่นและความเปรี้ยวของผลไม้ตระกูลส้ม และให้พลังสมองที่หนักหน่วง ซึ่งจะทำให้คุณมีพลังงานแบบไม่รู้จบนานหลายชั่วโมง
อาการเริ่มต้น
การออกฤทธิ์ของสายพันธุ์นี้ทรงพลังมากเสียจนมือใหม่ควรหลีกเลี่ยง แม้แต่ผู้ชื่นชอบกัญชา ผู้ช่ำชองก็ควรทำใจสบาย ๆ เพราะ Ghost Train Haze จะทำให้พวกเขารู้สึกอิ่มเอมใจภายในไม่กี่นาที จะหัวเราะคิกคักและเสียงหัวเราะมากมายกับสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ หลังจากนั้นไม่นาน พลังงานอันสดชื่นจะไหลผ่านร่างกายของคุณราวกับกระแสน้ำ ทำให้การโฟกัสของคุณชัดเจนมากขึ้นและชาร์จพลังให้กับคุณด้วยแรงกระตุ้นทางใจ แม้กระทั่งกับสิ่งธรรมดาที่สุด เช่น การทำความสะอาดอย่างล้ำลึก นอกจากนี้ยังเป็นเพื่อนที่ดีสำหรับศิลปิน นักเขียน และผู้ที่ต้องจัดการรายการสิ่งที่ต้องทำกันแบบยาว ๆ
อย่าลืมหมั่นสังเกตร่างกายของตัวเองเป็นประจำ เพื่อใช้ประโยชน์จากผลกระทบที่กระตุ้นพลังเหล่านี้ หากบริโภคในปริมาณมาก ดอกกัญชาชนิดนี้เกือบจะทำให้เคลิบเคลิ้ม และทำให้จิตใจของคุณขุ่นมัวไปด้วยความรู้สึกที่ขุ่นเคืองและเต็มไปด้วยอุปสรรค และจะไม่สามารถมุ่งความสนใจไปที่สิ่งอื่นใดได้นอกจากการเดินทางอันหนักหน่วงนี้
เช่นเดียวกับสายพันธุ์ Haze อื่น ๆ เมื่อเอฟเฟ็กต์อันทรงพลังเหล่านี้หมดไป อาการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นก็จะลดลง ดังนั้น หากมีช่วงเช้าที่สดใส ให้หาเวลางีบหลับเล็กน้อยหลังจากผ่านไปสัก 2-3 ชั่วโมง
หากต้องการพันธุ์ Sativa ที่มีเทอร์ปิโนลีน (terpinolene) หนัก ๆ สำหรับสมอง ลอง Durban Poison และ Jack Herer หรือสำรวจรายชื่อสายพันธุ์ Sativa ของเราสำหรับดอกไม้อื่น ๆ ที่คล้ายคลึงกันได้
การใช้
Ghost Train Haze เป็นยามหัศจรรย์ที่มีศักยภาพในการช่วยรักษาอาการต่าง ๆ ได้มากมาย เนื่องจากเทอร์ปีนอย่าง เทอร์ปิโนลีน (terpinolene) และลิโมนีน (limonene) ที่มีความเข้มข้นสูง ทำให้สามารถบรรเทาอาการผิดปกติทางอารมณ์ รวมถึง PTSD และ ADHD รวมถึงให้พลังงานแก่ผู้ที่มีอาการเหนื่อยล้าเรื้อรัง
ด้วย CBG ที่ต้านการอักเสบและบรรเทาอาการปวดประมาณ 2% สายพันธุ์นี้อาจทำหน้าที่เป็นยารักษาอาการปวดเรื้อรัง ไมเกรน และตะคริวของกล้ามเนื้อได้อย่างดีเยี่ยม ยังรวมถึงโรคต้อหิน โรคข้ออักเสบ และโรคโครห์นอีกด้วย
กุญแจสำคัญในการได้รับผลตามที่ต้องการนั้นอยู่ที่ปริมาณการใช้หากใช้เพื่อประโยชน์ทางกายภาพ ให้เลือกปริมาณที่สูงกว่า ในขณะที่การใช้เพื่อประโยชน์ทางจิตใจ ให้ใช้ปริมาณที่น้อยลงจะเหมาะสมที่สุด
ผลข้างเคียง
เนื่องจากเป็น sativa ที่มีศักยภาพมาก สายพันธุ์นี้จึงอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ได้ อาจส่งผลต่อสมองอย่างรุนแรง และทำให้จิตใจกระวนกระวายได้ ซึ่งอาจนำไปสู่ความรู้สึกหวาดระแวง วิตกกังวล รวมถึงอาการวิงเวียนศีรษะ การใช้อย่างระมัดระวังเป็นสิ่งสำคัญ ค่อย ๆ เริ่มจากพ่นเพียงครั้งเดียว และเพิ่มปริมาณ หากจำเป็นเท่านั้น
Taste & Smell
ซิตรัส
เผ็ดร้อน
ดอกไม้Ghost Train Haze มีลักษณะเป็นดอกตูมหนาทึบและมีสีเขียวสดใสของป่าไม้ เป็นสายพันธุ์ที่มีฤทธิ์แรง ถูกเคลือบด้วยสารเคลือบไตรโครมที่มีความหนามาก จนทำให้คุณนึกถึงหิมะที่เพิ่งตกลงมา
กลิ่นหอมอันเข้มข้นของดอกตูมนี้มีพลังอย่างไม่น่าเชื่อ ทำให้การซ่อนเป็นไปได้ยาก กลิ่นหอมหวานแต่มีชีวิตชีวา กลิ่นหอมที่ผสมผสานระหว่างช่อดอกไม้และซิตรัส เสริมด้วยกลิ่นสนและเครื่องเทศ
กลิ่นเหล่านี้สะท้อนให้เห็นได้ดีในกลิ่นครีมและควันที่นุ่มนวลที่มันสร้างขึ้น เมื่อหายใจเข้ากลิ่นซิตรัสเริ่มแรกผสานเข้ากับกลิ่นสนและเครื่องเทศอย่างไร้ที่ติ กลายเป็นกลิ่นหอมเอิร์ธโทนของดอกกัญชา เมื่อหายใจออก กลายเป็นกลิ่นหอมที่กลมกล่อม
ต้นกำเนิด
ดอกกัญชานี้ได้มาจากห้องทดลองของ Rare Dankness ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างกลิ่นหอมของ Ghost OG และกลิ่น Nevil’s Wreck อันยิ่งใหญ่ ด้วยชื่ออันเยือกเย็นและพลังอันน่าสะพรึงกลัว สายพันธุ์นี้ได้รับความนิยมอย่างสูงจากผู้นิยมกัญชา ได้รับรางวัลหลายรางวัล รวมถึงตำแหน่ง High Times Strongest Strains on Earth, High Times Cannabis Cup ปี 2014 ในประเภท Sativa ของสหรัฐอเมริกา และอันดับที่ 2 ในประเภท High Times Cannabis Cup Medical Sativa ปี 2013
การเจริญเติบโต
Ghost Train Haze เจริญเติบโตได้ดีที่สุดกลางแจ้งในสภาพอากาศที่ร้อนและแห้ง ซึ่งทำให้เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับเกษตรกรผู้ปลูกชาวไทย หากปลูกในบ้านจะต้องมีการระบายอากาศที่ดีและมีการติดตามความชื้นอย่างระมัดระวัง เนื่องจากอาจเกิดเชื้อราและเชื้อราได้ง่าย ความอดทนเล็กน้อยจะได้ผลกับสายพันธุ์นี้ที่คุ้มค่า เวลาออกดอกอาจใช้เวลาถึง 11 สัปดาห์ โดยจะได้ผลตอบแทนปานกลาง ประมาณ 300 กรัมต่อตารางเมตรในอาคาร และ 400 กรัมต่อต้นนอกอาคาร ซึ่งสามารถเพิ่มขึ้นได้ในสภาพแวดล้อมการเจริญเติบโตแบบไฮโดรโปนิกส์
